เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ว่าในปีนี้ ทุเรียนที่ปลูกเอาไว้ที่สวนหลังบ้านของคุณป้าสมนึก พาลครบุรี วัย 67 ปี บนเนื้อที่ 2 งาน 8 ต้น ที่บ้านโนนมะขามป้อม ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา จะให้ผลผลิตไม่ดีนัก เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่ร้อนและแล้งจัดก่อนหน้านี้ ทำให้ดอกทุเรียนและทุเรียนที่กำลังติดลูกในช่วงแรก ร่วงหล่นเสียหายไปเกือบทั้งหมด แต่ว่าครอบครัวนี้ ก็ยังคงมีรายได้มาจุนเจือครอบครัวแทบทุกวัน เพราะยังสามารถเก็บใบสะระแหน่ที่ปลูกเอาไว้ใต้โคนต้นทุเรียน ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าตามตลาดทั่วไปได้

นางสมนึก พาลครบุรี บอกว่า ตัวเองใช้พื้นที่หลังบ้านที่มีประมาณเกือบ 2 งาน ทดลองปลูกทุเรียนเอาไว้ เพื่อให้พอมีกินในครอบครัว และขายเป็นรายได้เสริม แต่ด้วยระยะเวลาที่ต้องรอทุเรียนโต เห็นว่าพื้นที่ระหว่างต้นทุเรียนว่างเปล่า จึงหาพืชอื่นมาปลูกเสริมระหว่างรอต้นทุเรียนโต เพราะการปลูกทุเรียนก็ต้องใช้น้ำและดูแลใส่ปุ๋ยเป็นประจำอยู่แล้ว ทดลองปลูกมาหลายอย่าง เน้นไปทางพืชสวนครัว เพราะสามารถเก็บขายได้รายวัน สุดท้ายก็มาลงที่สะระแหน่ เพราะเป็นพืชที่ต้องการน้ำ โตไว อีกทั้งยังสามารถคลุมหน้าดินรักษาความชื้นให้ต้นทุเรียนได้เป็นอย่างดีด้วย

ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา ระหว่างรอต้นทุเรียนโต ทางบ้านก็ใช้พื้นที่ว่างระหว่างต้นทุเรียนปลูกผักต่างๆ มาโดยตลอด ในช่วงหลังมาพบว่าสะระแหน่แตกกอดี คลุมดินดี จึงขยายการปลูกมาเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ การดูแลก็ไม่ยาก มีน้ำมีปุ๋ยจากทุเรียนอยู่แล้ว จึงทำให้ได้ผลดีดี สามารถตัดขายส่งตลาดได้แทบทุกวัน ราคารับซื้อก็ไม่เลว กิโลกรัมละ 50 บาท แต่ละวันก็จะตัดตามออร์เดอร์ 4-5 กิโลกรัม หากช่วงเทศกาลต่างๆ จะใช้มากหน่อยวันละ 10 กิโลกรัมขึ้นไป ทำให้มีรายได้เข้ามาในครอบครัวทุกวัน แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่พอได้ใช่จ่ายแต่ละวันอย่างไม่ลำบากเพราะไม้ต้องลงทุนอะไรเพิ่ม ซึ่งก็ถือเป็นพืชที่คุ้มค่า ใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ได้อย่างดีเลยทีเดียว