เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (ผู้ช่วย รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ถึงกรณีลุยปราบผู้มีอิทธิฤทธิ์ อ้างศาสตร์ หรือวิชา หรือพลังงานบางอย่างในการรักษาผู้ป่วยได้ ว่า หลังจากที่ตนออกมาให้ระบุว่าจะเดินหน้าปราบผู้ที่อ้างต้นว่ามีอิทธิฤทธิ์สามารถรักษาผู้ป่วยได้ ก็ได้ประสานไปยังนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ทันทีเพื่อหารือกันถึงเคสแดนธรรมสุขาววะดี ซึ่งมีผู้ที่ชื่อน้องหญิง อาจารย์และพี่โดม ระบุว่า ตนเองเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รักษาโรคด้วยคลื่นพลังบุญให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะและไม่ได้ขออนุญาตเปิดสถานพยาบาล ทาง สสจ.อุดรฯ จึงออกหนังสือให้มีการปิดสถานที่ดังกล่าว และมีคำสั่งห้ามทำการรักษาโรค ซึ่งจากนี้ทางเราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ให้มีการลักลอบเปิดในภายหลัง ไม่ว่าจะเปิดที่เดิม หรือแอบไปเปิดพื้นที่อื่น สสจ.ทุกจังหวัดมีการจับตาอยู่แล้ว

นายกองตรีธนกฤต กล่าวว่า ถ้าจะเปิดจริงๆ โดยยืนยันว่าตัวเองสามารถรักษาโรคได้จริงๆ ก็ให้ไปทำการศึกษาวิจัยเพื่อยืนยันว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นศาสตร์การรักษาจริง รักษาได้ผลจริงอย่างไร เห็นว่าในกลุ่มดังกล่าวมีนักวิชาการ และอ้างว่าจะมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ต้องทำในห้องแล็บ สิ่งที่ระบุนี้หากเป็นจริงก็ไปทำให้เรียบร้อย แล้วมาขอขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน แต่ถ้าทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ แล้วถ้ายังกลับไปรักษาอีกต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน และไม่ควรอ้างเรื่องความเชื่อทางศาสนา เพราะจากการหารือกับผู้รู้ทางศาสนา ก็ยืนยันว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่เคยรักษาใคร ประสูติ คือการเกิด ตรัสรู้คือการเรียนรู้ และปรินิพพาน ท่านไม่ได้พูดถึงการรักษาเลย ส่วนการรักษาไม่รู้ว่าจัดอยู่ในหมวดไหน ซึ่งผู้รู้ทางด้านศาสนาก็บอกแล้วว่าไม่มีปรากฏการณ์แบบนี้  

“เรื่องนี้ถึงไม่ได้มีผู้เสียหายออกมาร้องทุกข์ แต่เราจำเป็นต้องระงับเหตุเอาไว้ก่อน เพราะถ้ามีคนหลงเชื่อทิ้งการรักษาแผนปัจจุบันแล้วไปรักษาตรงนั้น เกิดเสียชีวิตขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทางเขาเองเขียนชัดว่า รักษา ดังนั้นเขาต้องพิสูจน์ว่าสามารถรักษาโรค ซึ่งเป็นไปรูปแบบการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ทางเลือกหรือไม่ แต่ที่เห็นเขาทำอยู่มันไม่ใช่แน่นอน เราต้องเอาหลักวิชาการมาว่า” นายกองตรีธนกฤต กล่าว

ผู้ช่วย รมว.สธ. กล่าวต่อว่า นอกจากเคสนี้แล้ว ตนยังจะเดินหน้าปราบผู้มีอิทธิฤทธิ์อื่นๆ อีกแน่นอน ใครให้เบาะแสอะไรมาเราจะมีการตรวจสอบทันที ถ้ามันไม่ใช่ก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้มีคนแจ้งเบาะแสเข้ามาเรื่อยๆ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ควบคู่กับการปราบคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า คนสร้างสิ่งมหัศจรรย์นี่ต้องระวังเอาไว้เลยจะถูกดำเนินคดี อย่าอ้างว่า ทำการรักษาไม่เก็บเงิน ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะการรักษาโรคต้องมีการรับรอง แต่ที่สำคัญพวกอ้างไม่เก็บเงินเก็บทอง สุดท้ายก็หางโผล่ รับบริจาคไปสร้างสิ่งนั้น สิ่งนี้ เงินเข้ากระเป๋าใคร แล้วต้องตรวจสอบไปถึงที่ดินที่ตั้งของสถานที่นั้นๆ ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีการบุกรุกที่ป่า ที่อุทยานแห่งชาติ ที่ราชพัสดุหรือไม่ หน่วยงานพวกนี้ก็ต้องตรวจสอบด้วย

“ผมไม่เคยปล่อย เราจับจริงแน่นอน ใครหัวหมอมาก็ต้องบอกว่า บ้านเมืองเรามีกฎหมาย ถ้าหัวหมอมาก็ดำเนินคดีก่อน แล้วไปสู้คดีกันในศาลเอา” นายกองตรีธนกฤต กล่าว.