นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) มีความพร้อมในการที่จะผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล เห็นได้จากกรณีเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ 321 ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ และขอลงฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 บวท. ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งประสานหน่วยงานภาคพื้นให้เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานการบินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงคำชื่นชมจากรัฐบาลสิงคโปร์ และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า บวท. มีความพร้อมในการให้บริการจราจรทางอากาศได้เป็นอย่างดี ทั้งในสถานการณ์ปกติ และสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บวท. ได้พยายามเพิ่มประสิทธิภาพ และศักยภาพในการให้บริการการเดินอากาศ เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินให้ได้สูงสุด และเป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมบูรณาการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนโยบายเรื่องการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค โดยการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อผลักดันการขนส่งทางอากาศของประเทศให้เป็นที่ยอมรับ โดยมุ่งมั่นรักษามาตรฐานการบริการการเดินอากาศของประเทศให้อยู่ในระดับสากล

รวมถึงได้เตรียมพร้อมรองรับการให้บริการการเดินอากาศ และเพิ่มศักยภาพการให้บริการตามนโยบายของรัฐบาล เรื่องการเปิดดำเนินงาน 24 ชั่วโมง ของสนามบิน เชียงใหม่ เชียงราย และหาดใหญ่ อีกทั้งยังมีแผนการขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ได้แก่ การจัดสร้างเส้นทางบินใหม่ ให้เป็นแบบเส้นทางบินคู่ขนาน (Parallel Route) เพิ่มเติมขึ้นจากในปัจจุบันที่เป็นแบบเส้นทางบินเดียว (One way route) รวมทั้งการออกแบบ และพัฒนาโครงสร้างห้วงอากาศและเส้นทางบิน เข้า-ออก สำหรับกลุ่มสนามบินที่มีความซับซ้อนของการจราจรทางอากาศสูง (Metroplex) จำนวน 3 กลุ่มสนามบินหลักของประเทศ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา กลุ่มที่ 2 สนามบินภูเก็ต กระบี่ อันดามัน (พังงา) และ กลุ่มที่ 3 สนามบินเชียงใหม่ ลำปาง ล้านนา (ลำพูน) ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศของประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันยังมีแผนการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้เข้ามาใช้งาน อาทิ ระบบหอบังคับการบินอัจฉริยะ ระบบเชื่อมต่อข้อมูล การบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ และระบบการเดินอากาศด้วยดาวเทียมเป็นต้น นอกจากนี้ บวท. ยังได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทหาร และพลเรือน เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งานห้วงอากาศของประเทศร่วมกัน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทางการบินต่างๆ เพื่อยกระดับภาคการบินของประเทศ พร้อมรองรับการขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคต่อไป.