ความคืบหน้าคดีของนายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดไทย ซึ่งถูกคนร้ายประกบยิง พื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ก่อนกลับไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เม.ย. โดยญาติติดใจเนื่องจากสภาพศพดำคล้ำ คล้ายถูกวางยา

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 พ.ค. ที่ สน.วังทองหลาง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พา พระวสันต์ กลีบจินดา (กตคุโณ) พ่อของเสี่ยต้น นางประภาพินท์ กลีบจินดา อายุ 63 ปี แม่ของเสี่ยต้น, นางสาวณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ น้องสาวของเสี่ยต้น, นางสาวหมวย และสามีของนางสาวหมวย หรือ นายตั้ง ญาติสนิทของเสี่ยต้น ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดี เนื่องจากเป็นคนรู้ความเคลื่อนไหวของเสี่ยต้น ทั้งหมด และยังได้ไปร่วมงานศพของเสี่ยต้น ที่วัดดงเมืองน้อย อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม พร้อมทั้งได้เปิดดูศพของเสี่ยต้นในวันเผา ก่อนพบพิรุธ และสังเกตถึงความผิดปกติ เพราะใบหน้าของเสี่ยต้น พบว่ามีลักษณะบวม สีดำคล้ำ จึงถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง

โดยทนายเดชา เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาติดตามคดี มี 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกทางตำรวจเองเขาได้รายงานให้เรารู้ว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ส่วนเรื่องที่สองเป็นเรื่องมาชี้เป้า ซึ่งก็ได้นำพยานบุคคลต่างๆ มาเบิกความในประเด็นเพิ่มเติมที่ทำให้ข้อเท็จจริงในคดีนี้ชัดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องคนจ้างวาน และคนยิง

ส่วนความชัดเจนเรื่องภาพของคนยิงนั้น ทนายเดชา เชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานทั้งหมดแล้ว และภาพค่อนข้างชัดพอสมควร เพียงแต่ว่าวันนี้จะต้องหาความเชื่อมโยงถึงเรื่องคนจ้างวาน และแรงจูงใจต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ยืนยันว่าไม่มีอะไรซับซ้อน

เมื่อถามว่าญาติของเสี่ยต้น คุ้นหรือไม่ ว่าคนยิงเป็นใครนั้น ทนายเดชา ตอบว่า “ขออนุญาตไม่ตอบดีกว่า เพราะยังอยู่ในสำนวน และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจน และข่าวดีเรื่องการออกหมายจับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจก็เร่งทำคดีอยู่”

ส่วนผู้กระทำความผิดในคดีนี้มีมากกว่า 3 คน ซึ่งคนต้องสงสัย เชื่อว่าตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องหาหลักฐานมาประกอบหรือหาความเชื่อมโยงด้วยว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร โดยขณะนี้เหลือเพียงอีกนิดเดียว ส่วนตัวยังมองว่าน่าจะเป็นกลุ่มมือปืนรับจ้าง คงไม่ใช่ยิงฟรี ยิงแล้วก็ต้องได้เงิน

เบื้องต้นสาเหตุของคดีนี้ ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมาจากปัญหาครอบครัวเป็นหลัก แต่ใครจะเกี่ยวข้องนั้น ต้องรอพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้พยานหลักฐานในพื้นดินมันจบแล้ว เหลือเพียงหลักฐานในอากาศที่จะต้องเอามาเชื่อมโยงกัน จึงจะสามารถชี้ชัดได้ว่าใครน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง

เมื่อถามย้ำว่าคดีนี้จะซ้ำรอยคดีสังหาร “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” หรือไม่นั้น ทนายเดชา ยอมรับว่า มีความใกล้เคียง แต่ไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น เพราะยังมีบางสิ่งบางอย่างต้องสอบเพิ่ม โดยเฉพาะต้องสอบทางครอบครัวของเสี่ยต้น และพยานต่างๆ ที่เห็นศพ รวมถึงพยานที่รู้เห็นถึงความขัดแย้งให้ชัดเจน เนื่องจากฐานความผิดในคดีนี้มีโทษถึงประหารชีวิต จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ส่วนความคืบหน้าคดีในส่วนของ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เป็นการเสียชีวิตแบบธรรมชาติหรือถูกฆาตกรรมนั้น ทนายเดชา ระบุว่า วันนี้ตำรวจชุดสืบสวนของ จ.มหาสารคาม ก็มาด้วย ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ เบื้องต้นได้คุยกันแล้ว เขายืนยันว่าได้ดำเนินการไปเยอะแล้ว ทั้งการสอบพยาน ว่าใครมานั่งร่วมวงกินเหล้าบ้าง, ใครเป็นคนซื้อเหล้า และใครเป็นคนชงเหล้า รวมถึงเรื่องรายละเอียดของศพ ทั้งการสอบปากคำสัปเหร่อ

ส่วนน้ำหนักจะไปทางไหนนั้น ทนายเดชา ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเขายังต้องเอาสำนวนมารวมกับ สน.วังทองหลาง ก่อน โดยทางนั้นเห็นว่ายังติดขัดเรื่องของการชันสูตร เนื่องจากการตรวจสอบกระดูก ยังไม่ได้ผล และยังไม่สามารถตอบอะไรได้ เพราะกระดูกยังอยู่ที่ รพ.ตำรวจ

ส่วนหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฆ่าเพื่อเอาเงินประกันหรือไม่นั้น ทนายเดชา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องสืบให้ชัด และให้มันลึก ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งเรื่องเงินหรือเรื่องอะไรต่างๆ ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งการไม่ชันสูตรศพก็เป็นสิ่งที่เป็นข้อสงสัยหลักในเรื่องนี้ด้วย”