จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่งผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อว่า may.linya ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะที่เจ้าตัวกำลังขับรถแท็กซี่เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พร้อมแคปชั่นว่า ชีวิตตัวเองสำคัญสุด ขับเองสบายใจกว่า #ลุงแท๊กซี่หลับ #ขับเองนักเลงพอ
โดยในคลิปเธอได้เล่าว่า จากผู้โดยสารกลายเป็นผู้ประสบภัยมีอยู่จริง เมื่อเธอเรียกรถจากแอปพลิเคชั่นหนึ่ง เวลาตี 3 เพื่อเดินทางไปสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ซึ่งเธอบอกว่า เมื่อเธอเห็นสภาพของคุณลุงคนขับแล้วคิดว่าไม่ไหวแน่ เพราะคุณลุงขับไปหลับไป เธอเลยต้องขอขับเองตั้งแต่พัทยามาจนถึงดอนเมือง จนเช้า ส่วนคุณลุงคนขับนั้นนั่งหลับสบายอยู่ที่เบาะหลัง แถมกรนใส่อีกด้วย
ล่าสุดวันที่ 21 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ที่ลงคลิปใน TikTok ทราบว่าชื่อน้องเมย์กับน้องพิณ
โดยน้องเมย์ ได้เล่าว่า วันนั้นตนและพี่สาวได้ติดต่อไปยังแอปพลิเคชั่นแอปหนึ่งแต่ไม่มีใครรับงาน จึงได้ติดต่อคุณลุงที่ขับรถแท็กซี่คันนี้ให้ จากพัทยาไปดอนเมือง และเมื่อขึ้นรถคุณลุงคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว ได้แวะเข้าปั้มเติมแก็ส ทางเราก็สังเกตว่าคุณลุงเหมือนคนอดนอน มีอาการง่วง ขับไปก็เหมือนจะหลับๆ ตนจึงถามลุงว่าขับรถไหวไหม ทำไมลุงเหมือนจะหลับเลย ลุงก็ตอบว่า ไม่..ไหวๆเพียงแต่ลุงพึ่งตื่น ให้ลุงได้ล้างหน้าล้างตาก่อนได้ไหม ก็แวะให้ลุงล้างหน้า
หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจถามคุณลุงว่า ให้พี่สาวเราขับให้ได้นะ พี่สาวเราขับรถเป็นมีใบขับขี่ค่ะ พอแกล้างหน้าล้างตาเสร็จ ทางคุณลุงก็ยื่นกุญแจให้พี่สาวเราขับ พร้อมบอกว่า งั้นหนูขับรถแทนลุงก็ได้นะ ซึ่งช่วงนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 04.00 น. ซึ่งตนและพี่สาวต้องรีบไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง เวลา 06.30 น. ซึ่งขณะนั้น ตนยังอยู่ที่พัทยา ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 05.00 น.แล้ว ก็เลยอาสาขับเอง ซึ่งตนนั้นก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้เลยเป็นครั้งแรกในชีวิต
ด้านน.ส.พิณทอง พี่สาว เล่าว่า ตนไม่ได้คิดอะไรมากในเวลานั้น ตนคิดแต่ว่าต้องไปให้ทันเช็คอินเครื่องบินเท่านั้น ทำอย่างไรก็ได้เพื่อไปให้ทัน ตนจึงอาสา ถ้าลุงไม่ไหวเดี๋ยวหนูขับเองนะ ลุงไม่ต้องห่วงหนูมีใบขับขี่ และบอกคุณลุงว่า โอเคลุงไปนอนเลยนะไม่ต้องห่วง นอนให้สบายไปเลย หนูขับเข้า กรุงเทพฯบ่อย ลุงก็เลยบอกโอเคๆ พอลุงนั่งข้างหลังได้ ตนคาดเข็มขัด พอออกจากปั้มได้ประมาณ 10นาที คุณลุงก็หลับยาวเลย หลับแบบสบายมากคุณลุงกรนตั้งแต่พัทยาจนถึงดอนเมือง คุณลุงน่าจะเหนื่อย
น.ส.พิณทอง กล่าวว่า ตนนั้นอยากฝากบอกคุณลุงว่า อยากให้คุณลุงก่อนทำงานนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณลุงและผู้โดยสาร ซึ่งตนก็เห็นใจคุณลุงเพราะคุณลุงนอนรอลูกค้าในปั้ม แล้วต้องตื่นมาทำงานส่งลูกค้าด้วยร่างกายที่ไม่พร้อม ตนรู้สึกเป็นห่วง ซึ่งวันนั้นตกลงราคากันไว้ที่ 1,500 บาทพร้อมค่าผ่านทางพิเศษ ตนจึงหักค่าผ่านทางที่ออกให้ไปก่อน 300 บาท เหลือที่ต้องจ่ายให้คุณลุง 1,200 บาท ตนก็เลยโอนให้คุณลุง 1,200 บาท หลายคนมาแซวว่าคุณลุงจ่ายค่าขับให้ตนเท่าไหร่ ก็ขำ ว่าตนเป็นคนจ่ายเองไม่ใช่คุณลุงขับแท็กซี่ ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนรู้สึกขำและไม่ได้คิดอะไร มองเป็นเรื่องฮาๆที่เกิดขึ้นในชีวิตตน จึงไม่อยากให้ใครดราม่ากับคุณลุง
