เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ของชุดทำงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 นำโดย พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว ยังคงเดินหน้าตรวจสอบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้มีการส่งหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเข้าตรวจสอบบริษัทนิติบุคคลที่ครอบครองและดำเนินธุรกิจเปิดวิลล่าหรูบนยอดเขาหมาแหงน ต.บ่อผุด เพื่อตรวจสอบการกระทำผิด ประกอบด้วย การออกเอกสารสิทธิที่ดินผิดพลาดคลาดเคลื่อน

โดยใช้ ส.ค.1, การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ขัดต่อกฎหมาย, ก่อสร้างผิดแบบตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522, การประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นบุคคลต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจ (โรงแรมและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม) ที่คนไทยไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม (17), (19) และเป็นเจ้าบ้าน เจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ดูแลเคหสถานหรือผู้จัดการโรงแรม ไม่แจ้งบุคคลต่างด้าวเข้าพักอาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 38 และการประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินีเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของธุรกิจในประเทศไทย

ขณะที่ ดร.กัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอเกาะสมุย เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบรวมข้อมูลรายละเอียดของปัญหา ทั้งในส่วนของการครอบครองที่ดิน การก่อสร้างอาคาร และการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะชาวต่างชาติบนเกาะสมุย โดยให้มีการตรวจสอบย้อนหลังไปอย่างน้อย 5 ปี เพื่อสรุปปัญหา รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ตนจะพร้อมด้วยหน่วย กอ.รมน.ภาค 4 เข้าตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง เขาหมาแหงน พื้นที่หมู่ 3 ต.บ่อผุด เพื่อตรวจสอบประเด็นกฎหมายต่างๆ อาทิ การถือครองที่ดิน, การออกใบอนุญาตก่อสร้าง รวมถึงการก่อสร้างว่าเป็นไปตามแบบหรือไม่ และประเด็นอื่นๆ เช่น การประกอบธุรกิจ เจ้าบ้าน เจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะได้สรุปผลรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเช่นกัน

“ปัญหาของเกาะสมุยมีความหลากหลายโดยเฉพาะปัญหาการถือครองที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ยอมรับว่ามีปัญหาเรื้อรังมานาน ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ ต.ค. 66 ก็ได้รับทราบปัญหาและเห็นถึงความผิดปกติทางกายภาพ ซึ่งก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือกันกับภาคเอกชน และพบว่าปัญหาที่สำคัญคือ การประกอบธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก โดยชาวต่างชาติ เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เนื่องจากมีผลต่อรายได้ของท้องถิ่น จังหวัดและประเทศ โดยแนวทางก่อนหน้านี้ที่ตนและภาคเอกชนได้ร่วมหารือกัน คือการจัดตั้งศูนย์ให้ความรู้แก่นักลงทุน เพื่อให้การประกอบธุรกิจถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ กอ.รมน.ภาค 4 จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา และจะทำให้ปัญหาของเกาะสมุย ได้รับการแก้ไขและขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี”

ด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลคดีอาญา เกี่ยวกับคดีบุกรุกป่า ในพื้นที่เกาะสมุย ระหว่างปี 2562-2567 พบว่า พื้นที่ สภ.เกาะสมุย ใน ต.ลิปะน้อย 5 คดี, ต.ตลิ่งงาม 3 คดี, ต.อ่างทอง 4 คดี และ ต.แม่น้ำ 15 คดี ส่วนพื้นที่ สภ.บ่อผุด 3 คดี รวมทั้งสิ้น 30 คดี แต่ไม่เคยปรากฏคดีความผิด พ.ร.บ.อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ และการก่อสร้างอาคาร ซึ่งในส่วนของตำรวจ เรามีหน้าที่รับแจ้งความร้องทุกข์ และสืบสวน เนื่องจากเราไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการไปยังพนักงานสอบสวนในพื้นที่ สภ.บ่อผุด และ สภ.เกาะสมุย ให้รวบรวมปัญหา ข้ออุปสรรค และเตรียมความพร้อม เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง