เมื่อวันที่ 21 พ.ค. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี สองอาจารย์ชายหญิง เปิดดินแดนธรรม ที่บ้านโนนตาแสง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี รักษาโรคให้แก่ประชาชนทั่วไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอ้างว่า สื่อสารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เรียกคลื่นพลังบุญ ดึงพลังบุญรักษาได้ทุกโรค จนเป็นกระแสโด่งดังตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อาจารย์น้องหญิง และอาจารย์ท่านพี่ บอกว่า ทั้งสองคนเป็นสองกาย แต่มีดวงจิตเดียวกัน เมื่อมาพบกัน ดวงจิตสามารถสื่อสารกับพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระกกุสันโธ, พระโกนาคมโน, พระกัสสโป, พระโคตโม และองค์พระพุทธเจ้าที่ยังมาไม่ถึง คือ พระศรีอริยเมตไตรย

การรักษาโรค อาการเจ็บป่วยต่างๆ เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นหลักควอนตัมฟิสิกส์ ใช้คลื่นเสียงในการรักษา แต่สุดท้ายจะย้อนกลับมาที่การคิดดี ทำดี พูดดี เมื่อคิดจะรักษา ต้องเริ่มต้นจากความเชื่อ อย่าสงสัย ความสงสัยเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่เชื่อ หากไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ก็จะไม่สามารถเข้าถึงดวงจิต เข้าถึงญาณเหล่านี้ได้

โดยในรายการได้ให้สาธิตวิธีการรักษาตามความเชื่อของคลื่นพลังบุญให้กับ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยมีอาการหลังยอก ปวดหลัง ซึ่งลักษณะการรักษายังทำให้หลายคนกังขา สงสัย ว่าจริงหรือไม่จริง ซึ่ง ส่วนตัว นายกองตรี ดร.ธนกฤต บอกว่า ณ ตอนก่อนที่จะทำพิธีกรรม เราก็ไม่ได้กำลังปวดหลังอยู่แต่แรก พอทำเสรจ ก็ไม่ได้รู้สึกมีอาการอะไรเปลี่ยนแปลงไป

ขณะที่ นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชี้ว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ยาหลอก ในทางการแพทย์เขาทำกันมานานแล้ว บางครั้งคนไข้รู้สึกเจ็บปวด แพทย์อาจจะให้ยาอะไรที่ไม่มีผลในทางรักษาเลย เช่น ให้ทานยาที่เป็นแค่เม็ดแป้ง หรือฉีดน้ำกลั่นเข้าร่างกาย โดยที่คนไข้ไม่รู้ และคิดว่าเป็นยาจริง พอรับไปแล้ว จิตใจจะเข้าใจว่าได้รับยาแล้ว และจะรู้สึกบรรเทาความเจ็บปวดลง เป็นเหมือนการหลอกจิตของคนไข้ ให้รู้สึกบรรเทาความเจ็บไข้ ไม่ได้มีผลในทางการรักษาโดยตรง

ดร.สุดปฐพี เวียงสี นักวิชาการพระพุทธศาสนา มองว่า ในกระบวนการวิถีพุทธ หลักๆ จะมี กาย ศีล จิต ปัญญา กระบวนการต่างๆ ในวิถีพุทธ ต้องทำแล้ว รู้แจ้งเห็นตลอด ถ้ากระบวนการต่างๆ มันน่าเชื่อถือ ต้องพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ แต่วิธีการของอาจารย์น้องหญิง ทำแล้วมันเป็นปัจเจก มันทำแล้วเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย มันไม่ได้ตรงตามความเชื่อทางพุทธเลย ไม่ว่าจะศึกษามาขนาดไหน มันย้อนแย้งกับสิ่งที่นำมากล่าวอ้าง ในเรื่องควอนตัมฟิสิกส์ เอามาผสมปนเปกันอย่างละเล็กละน้อย จนเยอะไปหมด

ขณะที่ อดีตปู่มหามุนี บอกว่า สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ พระพุทธเจ้าไม่เคยรักษาโรคให้ใคร อันนั้นเป็นเรื่องของหมอชีวกโกมารภัจจ์ แต่ถ้าคุณอ้างเรื่องความเชื่อ ก็ไม่บังคับกันเรื่องความเชื่อคน แต่การที่เขามาเปิดรักษาคน ทำให้คนที่เจ็บป่วย เขาเสียโอกาสในการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ที่ถูกต้อง เจ็บป่วยแต่ไม่ไปหาหมอ มารักษาด้วยความเชื่อ แทนที่จะได้ยาที่ช่วยรักษาที่ตรงตามอาการ แบบนี้ก็ต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วย

ขณะที่ทางอาจารย์น้องหญิง และ อาจารย์ท่านพี่ บอกว่า เราไม่ใช่หมอพื้นบ้าน ไม่ใช่หมอธรรม แต่เราได้รับภารกิจสวรรค์ มาตามหาคนที่มีพาสเวิร์ดเดียวกันอีก 5 ล้านคน เป็นหมอเทวดาอาสา ที่ลงมาทำภารกิจเดียวกัน และคนที่มารับการรักษา เราก็ไม่ได้เรียกรับเงินรับทอง

สุดท้ายแล้ว นายกองตรี ดร.ธนกฤต บอกว่า สิ่งที่ทำมันไปเข้าองค์ประกอบของข้อกฎหมาย เรื่อง พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อการรักษา ต้องมีการขออนุญาตให้ถูกต้อง ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ ต้องมีใบอนุญาตแพทย์แผนไทย ต่างๆ เหล่านี้ต้องมีการขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง จะอ้างว่ารับเงินหรือไม่รับเงินมันไม่เกี่ยว เพราะมันเข้าข้อกฎหมายหมดแล้ว แล้วโทษหนักถึงจำคุก เพราะฉะนั้น  ณ วันนี้อยากให้หยุดเสีย แล้วถ้าอยากทำให้ถูกต้อง ก็ขอให้ไปพบแพทย์ พบผู้ที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงอะไรต่างๆ ได้ ถ้ามันทำได้จริง ก็ขอให้มีการขออนุญาตตั้งเป็นสถานพยาบาลที่กฎหมายรองรับจะดีกว่า