เมื่อวันที่ 21 พ.ค. มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.สิงห์บุรี สภ.เมืองสิงห์บุรี และฝ่ายปกครอง ได้สืบทราบว่า จะมีพ่อค้ายาบ้ามาส่งยาให้ลูกค้าที่ จ.สิงห์บุรี จึงวางแผนพร้อมนำกำลังมาซุ่มดูและวางกำลังล้อมรอบที่บริเวณภายในวัดแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จนกระทั่งได้พบผู้ต้องหา ทราบชื่อภายหลัง คือ นายกล้า ทฤษฎีพอเพียง อายุ 43 ปี โดยสารมากับรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง กรุงเทพฯ

จากนั้น นายกล้า ได้ลงมาจากรถแท็กซี่ โดยถือถุงหูหิ้ว เดินมาที่ศาลาตรงมุมมืดภายในวัด เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้ออกมาจากจุดซุ่มดูเข้าจับกุมและขอค้นตัว พบยาบ้า จำนวน 3 มัด ประมาณ 6,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ จึงคุมตัว นายกล้า และ คนขับรถแท็กซี่ มาสอบสวนที่ กก.ภ.จว.สิงห์บุรี

จากการสอบสวน นายกล้า ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำมาได้ 7 วันในข้อหาค้ายาเสพติด และได้กลับมาพักอาศัยที่แฟลตการเคหะ ต่อมาได้มี นายแจ๊ค ร่มเกล้า ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ซึ่งรู้จักกันจากในเรือนจำ ได้มาหาตนที่แฟลต พร้อมกับนำยาบ้ามาขายให้ตน แต่ตนไม่มีเงินจึงคิดค้าขายอาชีพเดิมโดยติดต่อหาลูกค้าที่อยู่ จ.สิงห์บุรี โดยนายแจ๊ค คิดราคายาบ้ามัดละ 15,000 บาท และวันนี้ตนได้นัดกับลูกค้า ตกลงกันไว้ในราคามัดละ 16,000 บาท จำนวน 3 มัด โดยโบกรถแท็กซี่ว่าจ้างให้มาส่งที่ จ.สิงห์บุรี เเมื่อมาถึงยังไม่ทันได้พบลูกค้าก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน

ด้านคนขับรถแท็กซี่ ได้เล่าว่า ขณะขับรถเพื่อหาผู้โดยสารอยู่นั้น ก็เจอผู้โดยสาร ถือถุงและหมวกกันน็อคโบกรถของตน และว่าจ้างเหมารถแบบไป-กลับโดยบอกจะไปหาญาติที่ จ.สิงห์บุรี และตกลงราคาค่าจ้างโดยสารเรียบร้อยจึงเดินทาง เมื่อมาถึงจุดที่ ผู้โดยสารบอก ตนจึงจอดรถรอ แล้วสักพักต้องตกใจเมื่อเห็นมีคนกลุ่มใหญ่กรูเข้ามาจับผู้โดยสาร และเปิดประตูรถตนและสอบถาม โดยตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสิ้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายกล้า ไปตรวจปัสสาวะและผลการตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย จึงแจ้งข้อกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เพื่อการค้า ในลักษณะการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.