ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินและการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ชุดทำงานแก้ไขปัญหาการรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 นำโดย พ.อ.ดุสิต เกสรแก้ว ยังคงเดินหน้าตรวจสอบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีบริษัทนิติบุคคลที่ครอบครองและดำเนินธุรกิจเปิดวิลล่าหรูบนยอดเขาหมาแหงน เป็นโรงแรมที่พักโดยชาวต่างชาติ กอ.รมน.ภาค 4 เคยเข้าตรวจสอบ และดำเนินการเมื่อปี 62 และพบการกระทำผิด ประกอบด้วย การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินผิดพลาดคลาดเคลื่อน โดยใช้ สค.1 , การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ขัดต่อกฎหมาย , ก่อสร้างผิดแบบตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522 และการประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินีเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของธุรกิจในประเทศไทย โดยภายหลังการตรวจสอบการจองห้องพักผ่านระบบอินเตอร์เน็ต พบว่าวิลล่าดังกล่าวยังคงมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวตามปกติ โดยแสดงราคาห้องพักคืนละ 13,900 บาท และระบุว่ามีห้องพักทั้งหมด 6 ห้อง นั้น

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากการติดตามการเสนอข่าวของ “เดลินิวส์” ทำให้ทราบว่า ที่ผ่านมาเกาะสมุย มีปัญหาเกี่ยวกับการก่อสร้าง และการถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงการทำธุรกิจของชาวต่างชาติในลักษณะการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งภายหลังปรากฏเป็นข่าว ตนได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูล โดยได้มอบหมายให้นายอำเภอเกาะสมุย เป็นผู้ตรวจสอบ รวบรวมปัญหา เบื้องต้นทราบว่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานที่ดิน ฝ่ายปกครองเกาะสมุย สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สรรพากร และ สำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย โดยหน่วยงานเหล่านี้เป็นหน่วยงานราชการหลักที่มีหน้าที่กำกับดูแลเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตต่างๆ จนถึงการควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย

ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวด้วยว่า นอกเหนือที่ตนมีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจโดยตรงแล้ว ตนยังมีหน้าที่ในตำแหน่ง ผอ.รมน.จังหวัด ดังนั้นจึงจะใช้ทั้ง 2 สถานะ เข้าบูรณาการร่วมกับ กร.รมน.ภาค 4 เพื่อให้การแก้ปัญหาการถือครองที่ดิน รวมถึงการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติบนเกาะสมุยและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ ของ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เป็นรูปธรรม นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน หลังจากนี้ตนจะได้มีคำสั่งคณะทำงานแก้ไขปัญหา โดยตนจะเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ ได้มีการตรวจสอบไปยัง กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อขอทราบความคืบหน้าในทางคดีของกรณีดังกล่าว ปรากฏว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นของกองบังคับการตำรวจจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการจาก สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ว่า พนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าของวิลล่าหรู โรงแรมที่พักบนเขาหมาแหงน ปรากฏเพียงคดีทุจริตออกเอกสารสิทธิเขาหมาแหงน ซึ่ง ปปง. มีคำสั่งยึดทรัพย์ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นนายหน้าชาวไทย พร้อมพวก มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดกว่า 18 ล้านบาท

ด้าน พ.อ.ดุสิต หัวหน้าชุดตรวจสอบฯ กล่าวว่า การตรวจสอบในเบื้องต้นมีข้อมูลแน่ชัดแล้วว่า สถานที่ดังกล่าวยังเปิดให้บริการและยังคงมีการใช้อาคารตามปกติ ตนได้นำเสนอข้อมูลต่อ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 เชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด , โยธาธิการจังหวัด , เทศบาล , นายอำเภอ , ปทส.ภาค 8 และ ตำรวจภูธรภาค 8 เข้าร่วมตรวจสอบและทำการบันทึกสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เราจะใช้พนักงานสอบสวน กอ.รมน. เป็นผู้ทำสำนวนและร้องทุกข์กล่าวโทษด้วยตนเอง.