จากกรณีคนร้ายสวมใส่หมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า สวมใส่เสื้อคลุมไรเดอร์ ควงอาวุธปืน 2 กระบอก เข้าทำการจี้ชิงทรัพย์ร้านขายทองรูปพรรณห้างทองเยาวราชกรุงเทพ (สาขามหาชัย 2) บนชั้น 2 ของห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขามหาชัย 2 อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยคนร้ายได้สร้อยคอทองคำไปจำนวน 5 เส้น รวมนํ้าหนัก 15 บาท และได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ค. เวลาประมาณ 12.15 น. ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พ.ค. มีรายงานว่า พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล พ.ต.อ.อดุลชัย เผ่าพันธุ์ศร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.กก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวนายนพรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าว ภายหลังจากที่เข้าจับกุมตัวไว้ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งคนร้ายใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว

พร้อมกันนี้ยังตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำรูปพรรณ (ที่ได้จากการชิงทรัพย์) จำนวน 5 เส้น อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ CZ75 COMPACT ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ WALTHER ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และรถจักยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่ารุ่น MT 15 สีน้ำเงิน ไม่ติดหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 คัน

จากการสอบสวนนายนพรัตน์ ผู้ก่อเหตุ สารภาพว่า ตนเองลงมือมาดูลาดเลาไว้แล้ว 1 ครั้ง และเมื่อสบโอกาสก็ลงมือทันที ซึ่งตอนที่เดินเข้าไปก่อเหตุนั้น ได้ยกมือไหว้และกล่าวกับพนักงานหน้าร้านด้วยว่า “ขออนุญาตปล้น…ช่วยหยิบทองเส้นละ 3 บาท 5 บาท ใส่กระเป๋าให้ด้วยครับ ถ้าไม่อยากถูกยิง และช่วยหยิบให้เร็วๆ ด้วย” พร้อมกับถกเสื้อให้ดูอาวุธปืนที่เหน็บอยู่ที่เอว 2 กระบอก กระทั่งพอได้สร้อยคอทองคำแล้ว ก็วิ่งลงมาขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป

นายนพรัต กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการขี่รถย้อนศรกลับมาหลบซ่อนตัวที่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก ส่วนที่ทำลงไปนั้น ก็เพราะต้องการนำสร้อยไปขอผู้หญิงแต่งงานด้วย จึงได้ปลอมตัวแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ที่ตนมีอยู่ เพราะในอดีตตนเคยทำงานนี้มาก่อน แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว ส่วนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเป็นของบิดา และที่ต้องมีการกล่าว “ขออนุญาตปล้น” ก่อนที่จะลงมือข่มขู่พนักงานขายให้หยิบสร้อยคอทองคำให้นั้น ก็เพราะทางครอบครัวสอนตนมาในเรื่องมารยาท แต่ตนเองที่ไม่นำมาปฏิบัติตามและขาดสติยั้งคิด ก่อนลงมือกระทำการดังกล่าว

ด้านพนักงานขายในวันเกิดเหตุ เล่าว่า ทุกวันนี้ยังรู้สึกใจสั่นหวาดระแวงไม่หาย ซึ่งวันนั้นตนเองตกใจมาก และที่ต้องยอมทำตาม ก็เพราะกลัวอันตรายที่คนร้ายมีปืน ส่วนตามคลิปที่เห็น หยิบทองเข้าออกจากกระเป๋า ก็เพราะต้องการยืดเวลาให้ช้าที่สุด แต่คนร้ายก็ข่มขู่ให้หยิบเร็วๆ จึงต้องทำตาม

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ของผู้อื่น โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์จากการกระทำความผิด” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.