เมื่อวันที่ 19 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีชาวต่างชาติถูกคนร้ายฆ่าทิ้งศพริมถนนสายบ้านในหยง-ท่าอยู่  พื้นที่ หมู่3 บ้านนา ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พบบาดแผลบริเวณแก้มซ้าย และ ศีรษะด้านหลัง จากการถูกยิงด้วยอาวุธปืน ล่าสุดตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.นิพันธ์ พาณิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.พังงา พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 และ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.พังงา ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ภ.จว.พังงา ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.8 ร่วมกับชุดกองบังคับการปราบปราม กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และชุดสืบสวน สภ.โคกกลอย ดำเนินการสืบสวน จนทราบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายเพาลูส สัญชาติอินเดีย เดินทางเข้ามาในประเทศโทย เมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 โดยได้เดินทางเขามาพร้อมกับ นายยาเซอร์ อัชฟาก อายุ 32 ปี สัญชาติปากีสถาน และผู้เสียชีวิตแจ้งว่าพักในคอนโดแห่งหนึ่งใน อ.เมืองภูเก็ต

ที่แท้ฝีมือ! หนุ่มปากีฯ-เมียชาวไทย ฆ่าโหดหนุ่มอินเดีย ปมขัดแย้งธุรกิจ

ทำให้แนวทางการสืบสวน พบว่า คนลงมือน่าจะเป็นนายยาเซอร์ เพื่อนชาวปากีสถาน ชุดจับกุมจึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจับกุม นายยาเซอร์ ได้ในที่สุด ก่อนที่ พล.ต.ท.สุรพงษ์ สั่งการ พล.ต.ต.นิพันธ์ พล.ต.ต.สมคะเน และพล.ต.ต.นภันต์วุฒิ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายยาเซอร์ และนางคาดิจายาซิร์ อัซฟาก ภรรยาสัญชาติไทย

ทั้งนี้ชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาที่ 1 เป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกันที่ประเทศดูไบ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 ผู้เสียชีวิตได้ร่วมทุนถือหุ้น ห้างหุ้นส่วน เทอร์กิด จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจนำเที่ยว ของ นางคาดิจายาซิร์ อัซฟาก ภรรยา ของผู้ต้องหาที่ 1 กระทั่งก่อนเกิดเหตุเชื่อว่า ผู้เสียชีวิตกับผู้ต้องหาที่ 1 และ ผู้ต้องหาที่ 2 ได้มีปัญหาขัดแจ้งกันเกี่ยวกับธุรกิจ  ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้วางแผน จัดเตรียมอาวุธปืน และลวงผู้เสียชีวิตพาโดยสารรถยนต์ของผู้ต้องหามายังที่เกิดเหตุ และได้ใช้อาวุธปืนยิงจนถึงแก่ความตาย และได้ทิ้งศพไว้ในที่เกิดเหตุ

โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผู้ต้องหาพาผู้เสียชีวิตไปก่อเหตุ พบรถยนต์ที่ผู้ต้องหาใช้เป็นยานพาหนะ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้น บ้านเลขที่ 115/27 หมู่ 3 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้ง 2 ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ รองเท้าผู้เสียชีวิต และเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะเกิด  ก่อนไปตรวจค้นห้องพักที่คอนโดฯแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งผู้ต้องหาได้เช่าพักอาศัย ผลการตรวจค้นได้พบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตที่ผู้ต้องหาทั้งสองนำไปเก็บไว้ และพบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน กว 2113 ภูเก็ต ที่ผู้ต้องหาทั้งสองใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุซึ่งมีร่องรอยกระสุนปืนและคราบเลือดของผู้เสียชีวิตในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ประสาน พฐ.จว.พังงา และ พฐ.จว.ภูเก็ต จัดเก็บวัตถุพยาน  จนมีพยานหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพังงาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นผู้ต้องหาในการสารภาพและได้พาเจ้าหน้าที่ไปเก็บทรัพย์สินของผู้ตาย

จากการแกะรอยจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 ผู้ต้องหาทั้งสองได้พาผู้ตายนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีขาว จาก จ.ภูเก็ตมุ่งหน้าไปยัง จ.พังงา โดยมี นางคาดิจายาซิร์ อัซฟาก เป็นคนขับ แต่ระหว่างทางผู้ตายซึ่งนั่งข้างคนขับได้มีปากเสียงกับผู้ตาย ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ในเรื่องธุรกิจ นายยาเซอร์ จึงบอกให้ภรรยา ขับรถไปจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วใช้อาวุธปืนยิงเหยื่อจนเสียชีวิต ก่อนลากศพลงไปทิ้งไว้บริเวณที่เกิดเหตุและหลบหนีไปที่บ้านพักในพื้นที่ ต.โคกกลอย จ.พังงา เพื่อล้างรถทำลายหลักฐาน และนำอาวุธปืนไปซ่อนไว้ที่บ้านหลังนั้น

จากนั้นได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ตายไปเก็บไว้ที่คอนโดในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต  สำหรับจุดที่ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหานี้เป็นคนก่อเหตุ คือพิสูจน์คำให้การที่บอกว่าแยกกับผู้ตายที่หาดกะตะนั้น  พบว่าไม่จริง โดยความจริงทั้งหมดขึ้นรถไปด้วยกัน และผู้ตายก็สวมชุดเดียวกับที่เป็นศพ ขณะที่เจ้าหน้าที่เตรียมสอบเชิงลึกในเรื่องมูลเหตุและธุรกิจที่ทำร่วมกันด้วย.