กลายเป็นมหากาพย์ดราม่าความสัมพันธ์ที่คนทั้งประเทศต้องหยุดมองสำหรับเรื่องราวของพิธีกรดัง พีเค ปิยะวัฒน์ และนางงามดังชาวเวียดนาม โจลี่ เหงียน ที่ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรคนก็พากันวิจารณ์และดราม่าตลอด ยิ่งล่าสุดหลังจากโจลี่ออกมาแฉรูปที่หนุ่มพีเคไปเฝ้าและบอกว่าเป็นสโต๊กเกอร์แล้ว ก็ยิ่งทำให้คนต่อว่าและดราม่ามากขึ้นไปอีก แต่ที่ทำให้คนตกใจและงงงันหนักก็คงหนีไม่พ้น หนุ่มพีเคออกมาลงรูปสาวคนใหม่ในอินสตาแกรมสตอรี่ แบบฟาดๆว่าไม่ได้สนใจสาวโจลี่แล้วนะ งานนี้คนก็ยิ่งอยากรู้ไปอีกว่าตกลงหนุ่มพีเคคบหาใครกันแล้ว และสาวคนปัจจุบันเป็นใคร

ล่าสุดรายการดังทางช่องยูทูบ Dailynews LIVE-TH อย่างรายการ Daily POP LIVE ได้เปิดตัวสาวสวยข้างกายหนุ่มพีเคคนปัจจุบันอย่างสาว มิเรียน อัคเซลการ์ด ในรายการ พร้อมพูดคุยถึงความสัมพันธ์ในครั้งนี้ รวมถึงดราม่าต่างๆทำเอาหนุ่มพีเคเสียศูนย์ขนาดไหน ติดตามได้เลย

ตอนนี้คนสนใจและติดตามมิเรียนตลอดเลยรู้สึกตกใจไหม?

“จริงๆถ้าดูๆแล้วที่เราเอ็นจอยก็จะลงรูปลูกซะมากกว่า แต่ทางพี่พีเคบอกว่าสื่อเขาอยากเห็น หลังจากพี่พีเคลงรูปไป ก็มาติดตามหนู ตอนแรกเป็นไพรเวทค่ะ ไม่ได้เปิดให้คนติดตาม แต่ตอนนี้ก็โอเคเปิดให้ดูก็ได้ ไม่ติดอะไรค่ะ ถามว่ามิเรียนเป็นคนในวงการไหม คือตอนนี้ก็ทำธุรกิจค่ะ  จริงๆพยายามทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพราะว่าตอนเราเด็กๆอยากจะเป็นนักธุรกิจ เราชอบความแข็งแรง ความสตรองของ Business Woman เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ ส่วนเรื่องของวงการเป็นช่วงที่ลองดูว่าเราชอบไหมอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ช่วงนี้ทำโรงงานแปรรูปมะพร้าวและส่งออกค่ะ”

ขอย้อนความสัมพันธ์ถึงเรื่องของความสนิทสนมมิเรียนรู้จักพีเคได้อย่างไร?

“จริงๆรู้จักพี่พีเคผ่านครอบครัว ครอบครัวรู้จักกัน แล้วก็มีโอกาสได้ไปทานข้าวกันครอบครัวทางพี่พีเคนานมากแล้ว และพอดีเรามีงานเลยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันบ่อยนะ ก็เห็นว่าเขาเป็นพิธีกรเลยชวนเขามาทำ แล้วคือพี่พีเคตอนนั้นน่ารักมาก ก็ช่วยเหลือน้อง จนกระทั่งเขามามีปัญหา ก่อนหน้านี้ก็แทบไม่ได้คุยไม่ได้อะไรค่ะ”

พีเคเจอเรื่องดราม่าอย่างมากมายในตอนนี้ มิเรียนได้พูดคุยหรือให้กำลังใจ อย่างไรบ้าง?

“เราก็ถามเขาว่าโอเคไหม  ถ้าสิ่งที่เลือกแล้วมันทำให้มีความสุข ก็ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เลือกในช่วงแรกนะคะ แต่พอหลังจากมีข่าวรอบที่สอง รอบล่าสุดเนี้ย ตั้งแต่ที่สมุยเลยทักเขาไป พอดีเห็นที่พี่หนุ่มโพสต์ เราก็รู้สึกว่าทำไมหน้าเขาดูเศร้าจัง ก็เลยทักไปถามเขาว่าโอเคไหม เขาบอกว่า ก็ดีขึ้นประมาณนั้น แล้วเขาถามว่า ยูอยู่กรุงเทพฯไหม ถ้าอยู่กรุงเทพฯ นัดมานั่งคุยกันก็ได้ เราก็เลยโอเค ไอมีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง  ก่อนขึ้นเครื่องเพราะว่าบ้านเขาอยู่แถวบางนาใช่ไหมคะ เราก็เลยให้พาทเนอร์ขับรถไปส่งที่ร้านอาหารแถวบ้านๆพี่พีเคแล้วพอคุยกันสักพักหนึ่ง ตอนแรกก็คิดว่าอัพเดตคุยกันปกติไม่มีไรเหมือนโดยปกติที่เจอกันคือเฮฮาปาร์ตี้ทักทาย แต่ว่ารอบนี้คุยไปสักพักนึงเขาก็ร้องให้ต่อหน้าหนูเลย”

เขาร้องไห้ เหตุการณ์มันหนักหนาขนาดไหน?

“มิเรียนว่าเวลาคนที่รู้สึกอะไรสักอย่างหนึ่งเราไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกอย่างไร ต่อให้เราพยายามที่จะรู้ถึงความรู้สึกเขา เราก็ไม่มีทางรู้เลย สิ่งที่เราทำได้ก็คือนั่งรับฟัง แล้วก็บอกเขา แต่เราบอกอะไรไม่ได้เลยเพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นในหัว สักพักนึงเดี๋ยวมีข่าว สิ่งที่เขาเครียดก็คือ ทำไมคนถึงว่าเขาเป็นสต็อกเกอร์ คือเขารู้สึกว่าเขาตั้งใจทำงาน ในวงการมานานมาก

สิ่งที่เราพยายามทำให้เขาเห็นคือว่า ทุกอย่างที่ผ่านมาแล้ว ความรู้สึกผิดที่เขารู้สึกผิดบางทีเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าสิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นหลายๆครั้งเพราะความคิดของเขาเอง เพราะฉะนั้นเราเลยบอกเขาว่าทำความสุขให้มันSimpleให้มันเรียบง่าย เช่นถ้าเราไม่ชอบที่ๆเราอยู่ แล้วมันตอกย้ำความทรงจำของเรา เราก็แค่เอาร่างกายของเราไปที่ๆอื่น แต่ถ้าเราไปไหนไม่ได้ เวลาเราหลับตาความคิดของเรามันจะพาเราไป เราจะสามารถกำหนดความคิดของเราแล้วพาไปที่ๆเราอยากไปได้ แล้วก็จริงๆชีวิตมันเรียบง่ายมากสำหรับมิเรียมนะคะ กินอาหารอร่อย ดูทีวี มองอะไรสวยๆงามๆ ฟังในสิ่งที่ดีอ่านในสิ่งที่ดี รับแต่ข้อมูลที่ส่งผลดีๆกับเรา เพราะพวกนี้มันก็คือพลังงานอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ว่าเราพูดทีเดียวแล้วมันจะได้ผลเลยนะคะ มันแบบก็โอเคอยากทำอะไรก็ไป  อยากไปข้างนอกไหมก็ไป อยากกินอะไรก็ไป มันเรียบง่ายมากไม่ได้แบบว่าไปนั่งสอนเขาอย่างนั้นค่ะ”

พอพีเคลงรูปมิเรียนในอินสตาแกรม เรารู้มาก่อนไหมว่าจะต้องกลายเป็นกระแส และได้เตรียมใจมาหรือเปล่าถ้าจะเจอคนจับจ้องเป็นพิเศษ?

“จริงๆ อย่างที่หนูบอก เขาก็บอกประมาณว่าใครที่รู้จักกับเขาชีวิตแย่ทุกคน นี่ก็บอกว่า ไอไม่แคร์นะ แล้วไอจะทำให้ยูเห็นว่ามันอยู่ที่มุมมอง คือต่อให้วันนี้เนี้ยมันมีเรื่องราวที่ไม่ดีหรือว่าอะไรที่มันมาโจมตี เราพยายามทำให้เขาเห็นว่ามันอยู่ที่มุมมองในการรับสารเหล่านั้น แล้วเราก็ไม่มีอะไรจะเสียดายค่ะ เพราะว่าวันนี้ความรู้สึกเราไม่มันได้ขึ้นอยู่กับคนภายนอก แต่ความรู้สึกของเรามันขึ้นอยู่กับคนที่อยู่ข้างๆเรา ว่าเขาจะรู้สึกว่าเราพยายามจะอยู่ในMoment ของเขาขนาดไหน เราก็เลยบอกโอเค เดี๋ยวไอจะรู้สึกแบบยูเลย ถ้าใครจะโจมตีไอมา ไอก็จะทำให้ยูเห็นเลยว่ามันไม่ได้สำคัญกับไอเลย หนูไม่กลัวคนโฟกัสหนูเพราะว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่คนพูด เขาก็พูดในความชุดความรู้ที่เขามี สิ่งที่เขาเคยเจอมา มันไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนแบบนั้น แล้วอีกอย่าง เราก็คุยกับทางแม่เรา ว่าแม่โอเคไหม แม่ก็บอกทำไปเลยลูก อยากทำไรทำ เพราะเรามีคนในครอบครัวที่ซัพพอร์ตเรา สมมติว่าตั้งแต่เด็กๆ มาเนี่ยเราทำผิดพลาดหลายครั้งมาก แม่คือคนที่อยู่กับเราและครอบครัวคือคนที่อยู่กับเราและไม่เคยว่าเราเลย เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่าเราอยากแบ่งปันสิ่งนี้ให้กับพี่พีเค มันไม่ต้องมีคนมาเข้าใจเราเยอะหรอก มีแค่คนๆเดียวก็พออีกอย่างหนึ่งที่บ้านพี่พีเคเขาน่ารักมาก คือรู้จักเขามาครอบครัวเขาน่ารักมาก ตัวพี่พีเคเองเขาเป็นคนในสื่อคนก็จะรู้ว่าพี่พีเคไม่เคยว่าใครเลยแล้วก็เป็นคนที่ทรีตเพื่อนฝูงและคนรักดีมาก เป็นมุมที่คนไม่เห็น แล้วเราก็บอกเขาว่าถ้าแม่ไอโอเค ฝั่งทางพี่พีเคเขาโอเคกับเรา ที่เราเข้ามาเชียร์อัพพี่พีเค หนูสู้ตาย หนูไม่ได้แคร์ว่าคนจะมองว่ายังไง เพราะว่าเขาก็คงมีเรื่องบางเรื่อง เช่นเวลาเราอ่านข่าวอะไรแล้วรู้สึกว่ามันสะท้อนกับชีวิตของเราแล้วมันกระทบกับเรา เราก็จะแสดงความคิดเห็นในแบบที่เรารู้สึก เคยประสบเหตุการณ์แบบนั้นมา  เราก็เลยจะแสดงออกไปแบบนั้นแต่มันไม่ได้แปลว่าเราเป็นแบบนั้น”

อย่างที่คนสงสัยไทม์ไลน์ของสาวที่สมุยกับพีเคและเรา แฟนๆมอบทับซ้อนความสัมพันธ์กัน เราอยากอธิบายอะไรไหม?

“อย่างที่มิเรียนบอกตามที่แถลงข่าวไปเลยเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นความจริง เรื่องเหตุการณ์ที่สมุย ไทม์ไลน์มิเรียมชัดเจน มิเรียมเลี้ยงลูก ทำงานไม่ได้มีเวลาไปสมุยอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ค่ะ แต่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว ที่เรามาเจอเขา แล้วก็มาอยู่มาคอยพาไปเที่ยวอะไรอย่างนี้ค่ะ ประมาณนั้น มันได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้”

ณ ปัจจุบันพอทุกอย่างเป็นแบบนี้ สามารถบอกได้ไหม สถานะของความสัมพันธ์กับพีเค เป็นในรูปแบบไหน?

ณ วันนี้ เราอยู่ตรงนี้ หนูไม่ได้คิดว่าหนูจะมีความสุขมากขนาดนี้เวลาอยู่กับเขา แล้วเขาก็คงไม่คิดว่าจะสนุกกับเรามากขนาดนี้ตอนเราอยู่ด้วย แต่ทีนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ในอนาคต การที่จะกำหนดสถานะในความสัมพันธ์คือมันใช้ระยะเวลาเพราะมันได้มีแค่ว่าฉันรู้สึกดี  เธอรู้สึกดี มันมีเรื่องของครอบครัว มันมีเรื่องของลูก เขาโอเคที่จะแบ่งเวลาเรากับลูกไหม แล้วที่บ้านเราโอเคไหม ไลฟ์สไตล์เราโอเคไหม เราเป็นคนที่ทำงานเยอะใช่ไหมคะ เราต้องเดินทาง เราต้องอะไรหลายๆอย่าง เพราะฉะนั้นอย่างที่มิเรียนว่าเรื่อง life day by day ทำความรู้จักกันไป บางทีมันอาจ life day by day 5-10 ปี เราก็ไม่รู้แต่ว่าเราก็ไม่อยากจะเอาคำว่าสถานะมาเป็นกรอบว่านี่เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ เธอเป็นแฟนฉันแล้วนะ สิ่งที่มิเรียนอยากให้เขามี คือมีความสุขไปเลย ถ้าอยู่กับใครแล้วมีความสุขก็อยู่กับคนนั้นไป เพราะจริงๆความสุขของมิเรียนเองอยู่กับลูกแล้วก็กับคนรอบตัว เขาก็เป็นส่วนหนึ่งในความสุขของเรา แต่ว่าถ้าวันหนึ่งเขารู้สึกอย่างนี้ เราก็จะไม่เอาคำๆนี้มากรอบ เพื่อว่าวันนึงฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแล้วแต่ฉันต้องทนอยู่กับเธอ มันก็ไม่แฟร์ เราเกิดมาทั้งนี้ก็ควรใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะ

“จริงๆคำว่าแฟนมันคือคำจำกัดความ ชื่อมันก็บอกแล้วว่ามันจำกัดความ แต่ ณ วันนี้บอกได้ว่าดูแลเขา อยู่กับเขา ไปกินข้าวกับเขา ไปเที่ยวกันเขา พาเขาไปเชียงใหม่อะไรอย่างนี้คือเราใช้เวลาร่วมกันกับเขา ในส่วนของสถานะมิเรียมว่า พอมันเป็นเรื่องที่เวลาเราผ่านอะไรมาเยอะแล้วเนี่ย เราก็ไม่อยากจะไปจำกัดความกับตรงนี้ แต่ถ้าใครจะมองว่าเป็นคนสนิทก็สนิท ณ โมเมนต์นี้ ณ เวลานี้ค่ะ”

หลายๆคนอยากรู้ว่าระหว่างที่สนิทกับพีเคอยู่ คนมองว่าเขาสนิทนางงามดังด้วยอยากเล่าในจุดนี้ยังไง?

“ข่าวที่บอกว่าเขาเป็นสต็อกเกอร์ทันทำให้เขาเศร้ามาก แล้วถามว่า ณ เวลานั้น ความคิดถึงหรืออะไรอย่างนี้หนูก็บอกไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของเขาเป็นไง มันเป็นสิ่งที่เขา 2 คน รู้อยู่แก่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่นี้คนเขาอาจจะมองว่าคนนี้คิดไปเอง อีกคนนึงคิดไปเองอะไรอย่างนี้ ถ้าเขาคุยกันแล้วมีความสุขก็คุย แต่ตอนนี้เขาคุยกันไม่ได้ เพราะเขาคุยกันแล้วไม่มีความสุขก็แค่นั้นเอง ส่วนไทม์ไลน์มันจะทับซ้อนกันตอนสมุย หนูไม่ได้ไปคุยกับพี่พีเค ตั้งแต่ตอนสมุยเพราะฉะนั้นหนูไม่รู้ แต่ ณ วันที่หนูเดินเข้ามาเนี่ย เขา Break Downมากๆแล้ว สิ่งที่เขาเสียใจคือ ทำไมทุกคนถึงมองข้าม ความสามารถของเขาเหมือนตัดสินเขาจากสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆมันเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมไม่แยกแยะระหว่างความสามารถของเขาและความสัมพันธ์ออกจากกันล่ะ อย่างพี่พีเคเขาเป็นคนที่ชอบทำงานมาก ความสุขของเขาคือการทำงาน การได้ไปเป็น MC ออกสคริปต์ พูดคุยกับคนอะไรอย่างนี้ พอมาวันนึงความเสียใจมันทำให้เขาลืมความสามารถของเขาไปเลย แล้วคนที่มันเศร้ามากๆ รู้สึกแย่มากๆ คือกล้าพูดว่าอีกนิดเดียวแค่นั้น เราอาจจะไม่ได้เห็นพีเคเลยก็ได้ เพราะตอนนั้นคือมันแย่มาก กับสิ่งที่มาทำให้เขา แล้วประเด็นคือพี่พีเคไม่เคยออกมาพูด แก้ตัว มาแก้ต่างในสิ่งที่เขาเจอ แต่คนในวงการสื่อเองหรือว่าคนรอบตัวของเขาเองก็รู้ดีว่า อะไรที่มันเกิดขึ้น แล้วพี่พีเคเป็นคนที่มีความอดทน ขนาดไหนอะไรอย่างนี้ แต่ว่าบางทีมันก็ดู ทำร้ายตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม”

ถ้ามิเรียนพูดแทนพีเคได้อยากพูดอะไร?

“เขาก็เป็นคนๆนึง ที่มีจิตใจแล้ววันนึง ถ้าเราอยากให้อีกคนปฏิบัติต่อเราแบบไหน ก็ให้เราปฏิบัติต่อเขาแบบนั้น ทุกคนมีสนามรบเป็นของตัวเองค่ะ แล้วก็เชื่อว่าทุกคนที่พูด แล้วก็ทุกคนที่คอมเม้นต์หรืออะไรต่างๆ ตัวเขาเองก็มีสนามรบเป็นของตัวเอง ถ้าเขาสามารถที่จะมองแล้วให้กำลังใจคนอื่นที่เขาไม่รู้จักได้ วันนึงเมื่อไหร่ที่เขาล้ม เขาจะได้กำลังใจ แล้วเขาจะรู้ว่าสิ่งนั้นมันสำคัญต่อคนๆนึงมากค่ะอยากให้แยกแยะค่ะ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก djpk