ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง เกาะติดปัญหาก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ที่จ.กาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท และได้ทำการยกเลิกสัญญา ขึ้นแบล็กลิสต์ไปแล้วรวม 6 โครงการ คงเหลืออีก 2 โครงการ ที่เครือข่ายภาคประชาสังคม ปปท.เขต 4 ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้กำลังติดตามผลว่า กรมโยธาฯ จะทำการยกเลิกสัญญาอีก 2 โครงการเมื่อใด รวมถึงกระบวนการเยียวยาชาวบ้าน-กลุ่มแรงงาน ผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง และการเรียกค่าปรับเงินคืนที่เป็นภาษีของประชาชนจะเกิดขึ้นเมื่อใด กับการซ่อมแซมถนนที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเพื่อเรียกศรัทธาต่อประชาชน ล่าสุดได้กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ เครือข่ายภาคประชาสังคม-ชาวกาฬสินธุ์ ออกมาตั้งคำถามทันทีเนื่องจาก หจก.เฮงนำกิจ ที่เพิ่งชนะการประมูลงานก่อสร้างโครงการบูรณะและซ่อมแซมถนน 2 สายที่ จ.กาฬสินธุ์ ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม งบประมาณรวมกันกว่า 34 ล้านบาท ถูกประกาศเป็นผู้ชนะการประมูล ข้อสงสัยจึงตกอยู่ที่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากไม่ใช่ หจก.ขาใหญ่ ทิ้งงาน กรมโยธาฯ ก็ดีไป แต่หากใช้ทำไมถึงยังประมูลงานได้อีกทั้งที่มีการแจ้งเวียนขึ้นแบล็กลิสต์เป็นผู้ทิ้งงาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง ติดตามสอบถามเครือข่ายภาคประชาสังคม ปปท.เขต 4 ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนผลกระทบจากโครงการ 7 ชั่วโคตร ที่ส่วนใหญ่ผู้ได้รับผลกระทบและร้องเรียนจะเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าใจถึงวิธีการปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ ปี 2560 รวมถึงพ่อค้าคหบดีภายในจังหวัด ที่ต่างตั้งข้อสงสัยว่า หจก.เฮงนำกิจ หากเป็น หจก.เดียวกันกับ ผู้รับจ้างทิ้งงานของกรมโยธาฯ ทำไมถึงยังสามารถไปประมูลงานกับ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมได้ ทั้งที่มีระเบียบพัสดุปี 2560 รองรับเพื่อปกป้องประโยชน์ของรัฐไม่ทำให้ภาษีของประชาชนเสียเปล่าอย่างที่เกิดขึ้นกับ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย

นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริต ปปท.เขต 4 ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะ กธจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การที่ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ประกาศให้ หจก.เฮงนำกิจ ชนะการประมูล งานก่อสร้างการบูรณะและการก่อสร้างถนน 2 สายในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้สร้างความมึนงงต่อประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นอย่างมาก ตามข้อสังเกตหาก หจก.เฮงนำกิจ ไปมีชื่อคล้ายกับ 2 หจก.ขาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น หจก.ประชาพัฒน์-หจก.เฮงนำกิจ ผู้รับจ้างจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ทิ้งงานก่อสร้าง 8 โครงการ 545 ล้านบาท และก่อปัญหาอย่างแสนสาหัสจนชาวกาฬสินธุ์ร่วมกันประฌามว่า “ก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร” เรื่องนี้ทำให้ กรมโยธาธิการและผังเมืองเสื่อมเสียชื่อเสียง หากเป็น หจก.เดียวกันจริงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องตรวจสอบ อีกทั้งที่ผ่านมาอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เซ็นประกาศยกเลิกสัญญาไปแล้ว 6 โครงการ และอีก 2 โครงการก็กำลังพิจารณายกเลิกเร็วๆ นี้

การยกเลิกสัญญานั้น อธิบดีกรมโยธาฯ ได้ประกาศขึ้นแบล็กลิสต์ 2 หจก.ขาใหญ่ ห้ามเข้าประมูลงานจากกรมโยธาฯและจากหน่วยงานราชการอื่น และอยู่ในขั้นการพิจารณาในเรื่องค่าปรับพร้อมกับการพิจารณาเยียวยาปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนรวมถึงกลุ่มแรงงาน ดังนั้นคำถามที่ต้องการคำตอบคือ หจก.เฮงนำกิจ ที่ชนะการประมูลจากกรมทางหลวงครั้งนี้เป็น หจก.เดียวกันกับ หจก.เฮงนำกิจ ผู้รับจ้างทิ้งงานโครงการ “7 ชั่วโคตร” หรือไม่ตนยอมรับได้ทันทีว่าหาก หจก.เฮงนำกิจ ผู้ชนะการประมูลของกรมทางหลวงไม่ใช่ ”หจก.เฮงนำกิจ” ผู้รับจ้างทิ้งงาน ก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ต้องแสดงความยินดี แต่ดูเหมือนจะเป็น หจก.คนเดียวกัน ก็ต้องสอบถามไปที่ ผู้ว่าจ้าง ก็คือ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ว่ารู้หรือไม่ว่า หจก.เฮงนำกิจ คือผู้รับจ้างทิ้งงาน ที่ถูกกรมโยธาฯ ประกาศขึ้นแบล็กลิสต์

“ตามระเบียบพัสดุปี 2560 ได้ระบุไว้ชัดแจ้งเกี่ยวกับบทการลงโทษให้เป็นผู้รับเหมาทิ้งงาน ข้อ 192 ที่วางหลักไว้ว่า ห้ามหน่วยงานของรัฐก่อนิติสัมพันธ์กับผู้ทิ้งงานที่ปลัดกระทรวงการคลังได้ระบุชื่อไว้ในบัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงานและได้แจ้งเวียนชื่อแล้ว เว้นแต่จะได้มีการเพิกถอนการเป็นผู้ทิ้งงาน การห้ามหน่วยงานของรัฐก่อนิติสัมพันธ์กับผู้ทิ้งงานตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับกับบุคคลตามข้อ 196 วรรคสอง และวรรคสาม ที่ วางหลักไว้ว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใดที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาให้เป็นผู้ทิ้งงานตามข้อกำหนด ให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิยื่นขอเสนอให้แก่หน่วยงานของรัฐได้ แต่ถ้าผลการพิจารณาต่อมาปลัดกระทรวงการคลัง ได้ส่งให้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังกล่าวนั้นเป็นผู้ทิ้งงานให้หน่วยงานของรัฐตัดรายชื่อบุคคลดังกล่าวออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับการคัดเลือกหรือยกเลิกการซื้อหรือจ้าง หรือยกเลิกการลงนามในสัญญาซื้อหรือจ้างที่ได้กระทำก่อนการสั่งการของปลัดกระทรวงการคลัง เว้นแต่กรณีที่หัวหน้าหน่วยงานของรัฐพิจารณาเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐอย่างยิ่ง หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะไม่ตัดรายชื่อบุคคลดังกล่าวออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับการคัดเลือก หรือจะไม่ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง หรือจะไม่ยกเลิกการลงนามในสัญญาซื้อหรือจ้างที่ได้กระทำก่อนการสั่งการของปลัดกระทรวงการคลังก็ได้”

นายชาญยุทธ กล่าวสรุปว่า หลักกฏหมายก็วางไว้ชัดแจ้งว่า การที่บุคคลหรือนิติบุคล ได้ถูกหน่วยงานรัฐแจ้งเวียนเป็นผู้ทิ้งงานนั้น หน่วยงานของรัฐต้องยกเลิกสัญญา หรือยกเลิกการเป็นผู้ชนะ หรือยกเลิกการเสนอราคากับผู้รับจ้างรายนั้น เว้นแต่มีเหตุผลในการก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อหน่วยงานรัฐ ดังนั้นหากเป็นผู้รับจ้างรายเดียวกัน หรือกรรมการเป็นคนเดียวกัน ย่อมจะเข้ากรณีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเหมือนเช่นที่ผ่านมาของ กรมโยธาฯ จึงขอให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พิจารณาเพื่อยกเลิกสัญญาต่อไป หากไม่ดำเนินการใดก็อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ที่หน่วยงานภาคประชาชนกำลังเฝ้ารอติดตามอยู่

ขณะที่ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง ลงพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) วัดลำชีศรีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ติดตามดูสภาพหน้างานก่อสร้างหลังผู้รับเหมาทิ้งงาน ตามคำร้องเรียนของชาวบ้านที่คอยติดตามข่าวสารและการแก้ปัญหาของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการและเป็นคู่สัญญากับผู้รับเหมา เพื่อส่งเสียงสะท้อนปัญหาและผลกระทบ ความเดือดร้อน ไปให้ถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มาดูมาเห็นกับตา ในปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และการกระทำกับงบประมาณแผ่นดินแบบกินเปล่า หลังจากที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนผ่านธรรมาภิบาลจังหวัด และสื่อสารมวลชนไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนในส่วนของการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม และการยกเลิกสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร 8 โครงการ รวมทั้งในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้รับเหมาทั้ง 2 หจก.ที่ทิ้งงานด้วย

นายบุญทัน น้อมระวี อายุ 67 ปี ชาวบ้านวังยาง หมู่ 5 ต.ลำชี กล่าวว่า บริเวณตลิ่งริมแม่น้ำชีจุดนี้เป็นพื้นที่ต่ำ ทุกปีที่ผ่านมาในฤดูน้ำหลาก ระดับน้ำในน้ำชีเอ่อสูงขึ้นก็ประสบภัยน้ำชีล้นตลิ่งเข้ามาท่วมบริเวณวัด และไหลบ่าท่วมพื้นที่การเกษตรและที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดการทรุดพังของพนังกั้นแม่น้ำชีด้วย เพราะมีลักษณะโค้ง น้ำที่ไหลเชี่ยวมาจากด้านบนจะพุ่งชนตลิ่งบริเวณนี้ ทำให้เกิดการกัดเซาะสะสมทุกปี นอกจากนี้ยังมีบางจุดที่ดินริมตลิ่งเกิดการสไลด์เป็นแนวยาวอีกด้วย จากการที่กรมโยธาฯ จัดงบประมาณมาดำเนินโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อเป็นกันชนน้ำชีที่มั่นคง ทำให้พระเณร ชาวบ้าน ดีใจเป็นอย่างมาก ว่าต่อไปนี้จะได้รับการปกป้องคุ้มภัย ด้วยการเอาใจใส่อย่างดีจากภาครัฐ โดยเห็นผู้รับเหมานำเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์การก่อสร้างเข้ามาพื้นที่ราวปลายปี 63

ความดีใจของตนกับหลายๆ คนในพื้นที่ก็กลับกลายเป็นความสงสัยและไม่สบายใจ เพราะการก่อสร้างของผู้รับเหมาล่าช้ามาก เห็นคนงานมากันวันละ 3-4 คน โดยมาทำๆ หยุดๆ แล้วก็หนีไป เป็นอย่างนี้ตลอด พอถึงฤดูฝนน้ำหลาก มวลน้ำในลำชีเอ่อสูงขึ้นก็กัดเซาะและพัดพาก้อนหิน ดินทรายหายไปกับสายน้ำ เหตุการณ์อย่างนี้เป็นมา 2 ปีติดต่อกัน งานก็ไม่เดินหน้า มีแต่ร่องรอยการปรับหน้าดินที่จะทำเป็นตลิ่ง และกองเสาเข็มที่เห็นอยู่ ไม่เห็นนำไปปักตามแนวตลิ่งสักที จนกระทั่งมาทราบว่า ทางกรมโยธาฯ จะยกเลิกสัญญาก่อสร้างทั้งหมด 8 โครงการ งบประมาณรวมกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการนี้รวมอยู่ด้วย ทำให้ตนและพระเณร รวมทั้งชาวบ้าน ที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้อยู่เกิดความท้อแท้ เศร้าใจ และเสียดายงบประมาณแผ่นดิน เพราะทราบว่าทั้ง 8 โครงการผู้รับเหมาเบิกเงินไปแล้วกว่า 250 ล้าน แต่งานไม่เสร็จสักอย่าง เพราะทิ้งงาน

นายบุญทัน กล่าวอีกว่า ในฐานะชาวบ้านผู้เสียภาษี อยากเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้นในบ้านเมือง ไม่มีการให้อภิสิทธิ์ใครในการละเว้นการปฏิบัติ ตามระเบียบของกฎหมาย จึงจะนิ่งเฉยไม่ได้ที่จะให้การก่อสร้างที่ผู้รับเหมาทิ้งงาน เงียบหายไปเปล่าประโยชน์ และผู้รับเหมาไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้น จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้จัด ครม.สัญจรหรือทัวร์นกขมิ้นที่ จ.กาฬสินธุ์ด้วย เพื่อที่จะได้เห็นความเดือดร้อนของชาวกาฬสินธุ์ และเห็นความด้อยประสิทธิภาพของผู้รับเหมา กับความอ่อนแอของส่วนราชการที่ไม่มีความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับผู้รับเหมาจนทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมากในครั้งนี้

สำหรับโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ความยาว 385 เมตร งบประมาณ 59,270,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย.63 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค.65 ขยายระยะเวลาถึง 22 ต.ค.65 เบิกจ่ายไปแล้ว 33,090,500 บาท ขณะที่อีก 1 โครงการที่เริ่มต้นสัญญาและหมดสัญญาวันเดียวกัน คือเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ความยาว 423 เมตร งบประมาณ 59,306,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย.63 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค.65 ขยายเวลาถึง 10 ก.พ.65 เบิกจ่ายไปแล้ว 19,775,900 บาท รวม 2 โครงการที่เบิกจ่ายจำนวน 52,866,400 บาท หรือรวมทั้ง 8 โครงการที่เบิกจ่ายไปทั้งหมดจำนวน 252,918,400 บาท