ปัจจุบันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีความอันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จากข้อมูลพบว่า นิโคตินที่ทำให้คนที่เสพติดบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เสพติดไปตลอดชีวิต

นิโคติน นอกจากจะมีฤทธิ์เสพติดสูงมากๆ แล้ว ยังจัดเป็นสารพิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) แมลงและสัตว์ขนาดเล็กๆ จะตายจากระบบหายใจเป็นอัมพาตจากฤทธิ์ของนิโคตินในยาฆ่าแมลง นิโคติน ยังกระตุ้นให้ร่างกายคนหลั่งสารเคมี ที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว แข็งตัว กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของไขมัน น้ำตาลจนเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ เบาหวาน

อีกทั้งสารเคมีพิษ สารก่อมะเร็ง โลหะหนักที่มีในบุหรี่ไฟฟ้า ทำอันตรายต่อทุกอวัยวะของร่างกาย เกิดโรคต่างๆ ตามที่ปรากฏกับผู้สูบ และที่สำคัญในช่วงที่สถาบันการศึกษากำลังเปิดภาคเรียน การปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้ได้รับความปลอดภัยจากสินค้าอันตรายประเภทนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ สคบ. ดำเนินการมาโดยตลอด ในฐานะหน่วยงานหนึ่งที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นำโดย นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ สคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดยนางสยุมพร กุลสุ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า ซึ่งลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้กับโรงเรียนในละแวกอำเภอบางปะอิน และอำเภออุทัย ซึ่งเปิดขายมาเป็นระยะเวลานาน จึงได้ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน และ สภ.อุทัย ดำเนินคดีกับผู้ขาย ในการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถยึดของกลางได้มูลค่าโดยประมาณ 1.6 ล้านบาท

นายธสรณ์อัฑฒ์ กล่าวว่า ในการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สคบ.ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รวมทั้งทางด้านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร ก็มอบหมาย สคบ. ดำเนินการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป เนื่องจากเป็นสินค้าอันตรายที่ผิดกฎหมายและส่งผลต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนและในช่วงที่กำลังเปิดภาคเรียน จำเป็นที่ต้องเพิ่มมาตรการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพพี่น้องประชาชนผู้บริโภคจากสินค้าอันตรายชนิดนี้ ทั้งนี้ การลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองที่ 9/2558 เรื่อง “ห้ามขายหรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งหากว่าใครฝ่าฝืนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ หรือแจ้ง สคบ. ได้ที่สายด่วน 1166 เว็บไซต์ www.ocpb.go.th แอปพลิเคชัน OCPB Connect รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม ในทุกจังหวัด.