จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กในกลุ่มประชานิเวศน์ 3 ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังเพจกล้าที่จะก้าว ว่าร้านขายเครื่องเขียนห่อปกหนังสือเด็กนักเรียนป.3 จำนวน 19 เล่ม ราคา 600 บาท และ มียังมีเรื่องการถ่ายเอกสารราคาแพงมาก ซึ่งร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนแห่งนี้ตั้งอยู่ หน้าโรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่าเรียกเก็บค่าถ่ายเอกสารราคาแพงมาก โดยมีประชาชนนำเรื่องราวโพสต์ผ่านโซเชียลจำนวนมากให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ โดยผู้โพสต์มีข้อความระบุว่า “ราคาสร้างบ้านมาก ใครเคยเจอบ้าง และ สงสารรุ่นน้องแถวบ้านมาก ไปถ่ายเอกสารหน้าโรงเรียนเบญ จำนวน 96 แผ่น ราคา 1,000 บาท ย้ำสีขาวดำ OBJHOBS จะแจ้งหน่วยงานไหนให้มาตรวจสอบได้บ้างคะ น้องมันจะเอาตังค์เพื่อไปซื้อหนังสือเรียนแต่กลับต้อง มาจ่ายค่าเอกสารหมดตัว มาเจอเรื่องแบบนี้น้องมันไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไรเลย ตอนนี้ #ช่วยดันโพต์ให้ถึงท่านผู้ใหญ่ทีค่ะ (แก้ไขน้องบอกปริ้นงานออกมาจากไลน์ขาวดำ) ” นอกจานี้ยังมีประชาชน เด็กนักเรียน ผู้ปกครองเข้ามาร่วมโพสต์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 16 พ.ค. นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว พร้อมด้วย น.ส.ไอยณัชกาญจน์ รัตนพรภิญโญ อายุ 38 ปี และนางสุพรรษา ชื่นบาน อายุ 43 ปี ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิง ป.3 เดินทางยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ นายจักรพันธ์ ระงับ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหน้าที่ สคบ. จังหวัดนนทบุรี โดยนำหลักฐานรูปภาพหนังสือที่ห่อปก สลิปการโอนเงิน และหลักฐานข้อความรูปภาพจากผู้ปกครองนักเรียน โดยให้ดำเนินการตรวจสอบร้านขายเครื่องเขียนดังกล่าว

น.ส.ไอยณัชกาญจน์ เปิดเผยว่า ตนได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปที่เพจ เป็นเรื่องที่ลูกสาวได้เอาหนังสือมาห่อปกพลาสติกที่ร้านแห่งนี้ แต่พบว่าราคาค่อนข้างสูง เพราะตนพอจะทราบราคาของร้านอื่นอยู่บ้างว่าราคาเท่าไหร่ พอตนได้ยินว่าราคา 600 บาท ตกใจว่ามันแพงมาก ซึ่งลูกสาวนำหนังสือเรียนมาจำนวน 19 เล่มมาห่อปกเมื่อ 2 วันก่อน ตนได้พยายามต่อรองราคาแต่เขาไม่สนใจ พอตนนำเรื่องราวไปโพสต์ในกลุ่มชุมชนพบว่ามีความคิดเป็นเข้ามาแสดงจำนวนมาก ว่าร้านนี้ขึ้นชื่อ เป็นร้านในตำนาน แต่ละคนโดนค่าถ่ายเอกสารแพง 2 แผ่น 100 บาท โดนค่าเปิดคอมพิวเตอร์ถ้าจะปริ้นงานเพิ่มอีก แต่ละครั้งราคาไม่ตายตัว

ซึ่งเมื่อคนที่จะมาทำถามราคาก่อนทางร้านจะไม่บอกว่าราคาเท่าไหร่ เขาจะบอกราคาทีหลัง แต่เมื่อทำไปแล้วพอร้านบอกราคามากก็ต้องจ่ายเงิน ซึ่งเรื่องนี้มีคนโพสต์มาตลอด เคยร้องเรียนแล้ว เคยแจ้งตำรวจแล้ว ร้านนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม หลังจากนี้ตนจะไปแจ้ง สคบ. เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าราคาที่เก็บกับเด็กนักเรียนเหมาะสมหรือไม่ ไม่อยากให้คนอื่นๆต้องมาโดนแบบนี้ อยากให้หน่วยงานลงมาแก้ปัญหาตรงนี้ เพราะว่าตรงนี้เป็นโซนที่ขายเครื่องเขียนให้เด็กนักเรียน ถือว่าเป็นโซนใหญ่ในชุมชนนี้ มีคนมาใช้บริการจำนวนมาก เด็กนักเรียนมาใช้บริการเยอะเพราะใกล้โรงเรียน

ขณะที่นางสุพรรษา กล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนตนเป็นคนมาเอาหนังสือให้หลานเอง พอเห็นราคา 600 บาทก็แจ้งแม่เขา ตอนแรกเขายกหนังสือมาให้เป็นสองตั้ง ตั้งเล่มใหญ่คิด 450 บาท และตั้งเล่มเล็กอีก ซึ่งตนบอกว่ารวมสองตั้งมันเกือบ 1,000 บาท มันแพงไป เพราะตนทำงานวันละ 400 บาทไม่มีเงินจ่าย ซึ่งคนขายที่ร้านบอกว่าจะคิดราคาเหมาให้ รวมเป็นเงิน 600 บาท ซึ่งตนก็ยังงคิดว่าแพงอยู่ดี ซึ่งทางร้านยืนยันว่า 600 บาท ตนจึงให้ร้านแกะพลาสติกที่ห่อปกออก ทางร้านไม่ยอมแกะและบอกว่านั่งทำใช้เวลา 2 วัน ตนยินดีจ่ายค่าแรงทำให้เขา แต่เขาเลือกที่จะยกหนังสือไปเก็บ

ตนจึงบอกไปว่าจะแจ้งตำรวจถ้าตกลงกันไม่ได้ และก่อนทำกล่าวได้ถามราคาแล้วแต่ทางร้านไม่แจ้งราคา และคนในชุมชนกลายคนยืนยันว่าเจอแบบเดียวกัน ตนได้ไปถามร้านอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงแต่ลัร้านจะบอกว่า 19 เล่มราคาไม่เกิน 300 บาท ในที่สุดตนต้องโทรฯหาแม่น้องจนตกลงราคาอยู่ที่ 400 บาท เรื่องนี้ในชุมชนมีการโพสต์วีรกรรมร้านนี้มานานมากแล้วทำแบบนี้มาตลอด

ขณะที่นายอธิวัฒน์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในชุมชนประชานิเวศน์ 3 ว่ามีร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนมัธยมชื่อดัง คิดค่าบริการราคาเกินจริง เช่น ราคาถ่ายเอกสาร 2 แผ่น 100 บาท ห่อปกหนังสือ 19 เล่มราคา 600 บาท ซึ่งร้านที่ตั้งอยู่ติดกันห่อปกหนังสือราคาประมาณ 250-300 บาท การคิดราคาเกินจริงแบบนี้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครองในช่วงที่นักเรียนเปิดเทอม ไหนจะค่าเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียน ที่ต้องจ่ายต่อคนประมาณ 5,000-6,000 บาท นอกจากนี้เด็กนักเรียนที่ต้องรีบทำงานส่งครู ต้องแบ่งเงินค่าขนมมาจ่ายเป็นค่าปริ้นงานเอกสาร สงสารเด็กที่จะต้องอดค่าขนมและก็สงสารผู้ปกครองที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย จึงอยากให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ สคบ. และ พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี เพื่อหาข้อเท็จจริงและใช้ข้อกฎหมายบังคับ

เบื้องต้นศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบประวัติร้านดังกล่าวที่เคยถูกร้องเรียนไว้ก่อนหน้านี้ หากยังทำผิดแบบเดิมจะทำการปรับตามกฏหมายทันที ส่วนประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ข้อมูลมาทางเพจ ได้มอบหมายยังให้เจ้าหน้าที่ สคบ. รวบรวมผู้เสียหายและหลักฐานทั้งหมด และจะดำเนินคดีทางกฏหมายกับผู้ที่กระทำผิดต่อไป.