เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่มูลนิธิทนายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรภสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสินชัย รองประธานมูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการ หลังตนเองถูกหนุ่มอ้างเป็น “รองศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์” ด้านหัวใจจบมาจากสหรัฐอเมริกา จะมาประจำที่โรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงเทพฯ รวมทั้งเป็นอาจารย์หมอสอนนักศึกษา ตนเองหลงเชื่อสูญทั้งเงินเสียทั้งตัว สุดท้ายมาพบว่าไม่ได้เป็นแพทย์จริงตามที่กล่าวอ้าง แถมยังเคยมีประวัติต้องโทษติดคุกคดียาเสพติด แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวคดีจะไม่คืบหน้า

น.ส.เอ เล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อเดือน ธ.ค. 66 ตนได้ถูกชายอ้างชื่อว่าเป็น รศ.ดร.นพ. เป็นแพทย์เชี่ยวชาญด้านหัวใจจบมาจากสหรัฐอเมริกา กำลังจะกลับมาประจำโรงพยาบาลหลายแห่งในกรุงเทพฯ โดยชายดังกล่าวได้โทรศัพท์มาหาตนเอง ตอนนั้นตัวเองตกใจมาก เขารู้เบอร์มือถือตนเองได้อย่างไร สอบถามเขาบอกว่า เห็นเฟซตนเองเปิดรับสมัครคนงาน เลยทักมาว่าอยากรู้จัก

น.ส.เอ เล่าต่อว่า ตนเองหลงเชื่อสนิทใจ เพราะคำพูดคำจา หลักฐานภาพถ่ายการแต่งกาย ชวนให้เชื่อถือเป็นอย่างมาก จึงได้มีการคบหาพูดคุย แล้วมีความสัมพันธ์ต่อกัน ระหว่างที่คบหากันอยู่เพียงแค่ 3 เดือน ตนถูกชายหนุ่มคนที่อ้างหมอรายนี้ ขอเงินตลอดเวลา จนหมดเงินไปแล้วกว่า 500,000 บาท โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา บอกว่าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับตน และหย่าขาดจากภรรยาแล้วมีลูกติดคนหนึ่ง ตนเองคิดว่าเขาต้องการคบหาด้วยความจริงใจ ทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากขอเงิน ก็จะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา

“มาระยะหลังจนรู้สึกผิดสังเกต จึงได้ไปตรวจเช็กประวัติของเขา ที่แพทยสภา ปรากฏว่าไม่มีชื่อนี้ในสารบบ จึงเชื่อแน่ว่าถูกหลอกลวง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตนเดินทางไปหาเขาที่บ้าน เพื่อสอบถามความเป็นจริง เขาก็ขู่ว่าจะแจ้งข้อหาบุกรุก คิดไม่ถึงว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนดีกับเขา ให้เงินเขาทุกอย่าง ตรงกันข้ามเขากลับไม่เคยให้ตนใช้จ่ายเลยแม้แต่สลึงเดียว จนเสียใจแล้วรู้สึกโกรธมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล กินยานอนหลับทุกคืน แทนที่เขาจะสงสารและเห็นใจ กลับไปที่โรงพยาบาลและขอยืมตังค์ตนอีก ตอนบอกว่าตนไม่มีจะให้แล้ว ที่ให้ไปก็เยอะแล้ว เขายังอุตส่าห์เอ่ยปากทวงไขควงแค่อันเดียวไม่กี่ร้อยที่อยู่ที่บ้านตน หลังจากออกจากโรงพยาบาล ตนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับหมอกำมะลอรายนี้ และเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทางมูลนิธิ ให้ช่วยติดตามคดีให้ตนด้วย” น.ส.เอ กล่าว

เบื้องต้นทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้รับเรื่องและเอกสารทั้งหมด พร้อมทั้งจะพาผู้เสียหายไปติดตามความคืบหน้าของคดี เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมตามกฎหมายต่อไป.