เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 67 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คนที่สอง สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม กมธ. ในวันที่ 16 พ.ค. นี้ ตนจะเสนอให้ กมธ. พิจารณาในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดี มาตรา 112 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างคุมขัง ในประเด็นการนิรโทษกรรม เพื่อไม่ให้ผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งมีคดีผิดมาตรา 112 ต้องเสียชีวิตอีก อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่านอกจากตนแล้ว จะมี กมธ. คนอื่น เช่น น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ร่วมเสนอประเด็นและพูดคุย เพราะขณะนี้มีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ดังนั้น กมธ. ควรพูดคุยเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพิจารณาของ กมธ. ยังไม่ชัดเจนว่าผลการพิจารณานั้น จะรวมคดีผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ที่ผ่านมาส่วนของพรรคก้าวไกลเสนอว่า ไม่ควรตั้งต้นที่ประเภทของคดี แต่ควรพิจารณาจากแรงจูงใจทางการเมืองที่เป็นต้นเหตุสำคัญ แต่หาก กมธ. ตั้งต้นที่ประเภทคดีแล้ว ควรพิจารณาให้ครบคดี ไม่ควรมีคดีใดที่ตกหล่นจากการได้รับการนิรโทษกรรม เพราะในบางกรณีพบว่าการแจ้งข้อหานั้น กระบวนการกล่าวโทษมีปัญหา และใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในการนิรโทษกรรมนั้น ตนมองไปไกลกว่า กมธ. เนื่องจากบุคคลที่เป็น กมธ.นิรโทษกรรม หลายคนเป็นผู้อาวุโสที่มีบทบาทต่อรัฐบาล ดังนั้นควรพิจารณาในคดีต่างๆ ที่ไม่ได้ประกันตัว ให้ได้รับการประกันตัว เพื่อได้ใช้สิทธิต่อสู้คดี และไม่ให้เกิดกรณีของ น.ส.เนติพร ซ้ำรอยอีก นอกจากนั้น คือมาตรการที่ทำได้โดยรัฐบาล ผ่านกลไกของการชะลอคดีที่มีเงื่อนไขที่ตรงกับการนิรโทษกรรม ทั้งนี้ ควรได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในประเด็นการชะลอคดีนั้น อาจทำได้หลายทาง แต่ในช่องทางของ กมธ. จำเป็นต้องให้เกิดข้อสรุป ซึ่ง กมธ. ต้องหารืออีกครั้งถึงปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมองไม่เห็นทิศทางว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อเรามีกรณีของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ คือ กรณีของบุ้ง ควรคุยกันให้เกิดความชัดเจน

เมื่อถามว่า กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร ให้บทเรียนอะไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวโดยความเห็นส่วนตัวว่า เป็นมิติทางสังคม เพราะไม่ควรมีใครเสียชีวิตจากความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นและกลายเป็นประเด็นคือ สิทธิการประกันตัว ที่ไม่ควรมีเงื่อนไขถอนประกันจากการกระทำผิดซ้ำ เพราะคดีความที่เกิดขึ้นยังไม่ถูกพิพากษาว่าผิด ดังนั้นกลไกของการต่อสู้คดี ประชาชนควรมีสิทธิ ที่เป็นสิทธิพื้นฐานในการถูกประกันตัว เพื่อได้รับคำปรึกษาการต่อสู้อย่างกว้างขวางนอกเรือนจำ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวสามารถทำได้ ผ่านการปรับปรุงกติกาของกระบวนการยุติธรรม ศาล และอัยการ รวมถึงหากต้องการสร้างมาตรฐานที่ชัดเจน สามารถทำได้ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ.