นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษก ขบ. เปิดเผยว่า รถจักรยานยนต์ (จยย.) เป็นพาหนะที่ประชาชนนิยมใช้ในการเดินทาง เพราะมีความสะดวกและคล่องตัว แต่ก็มีความเสี่ยงและโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่าย โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 67 (11-17 เม.ย. 67) ที่ผ่านมา พบว่ารถ จยย. เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด 84.90% และพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด คือการไม่สวมหมวกนิรภัย และคู่กรณีส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้มีโอกาสสูงที่ผู้ขับขี่รถ จยย. จะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
โดยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นกับรถ จยย. โดยได้กำหนดให้รถบรรทุกต้องติดตั้งอุปกรณ์ด้านข้าง (LPD) และด้านท้าย (RUPD) เพื่อป้องกันรถที่มีขนาดเล็กหรือรถ จยย. ล้มเข้าใต้รถบรรทุกหรือชนท้ายรถบรรทุก อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่รถ จยย. ก็ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในจุดบอดของรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่โดยจุดบอดของรถบรรทุกหรือรถขนาดใหญ่มี 4 จุด ได้แก่ ด้านหน้า เนื่องจากความสูงของตัวรถ ทำให้บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็น
นายเสกสม กล่าวต่อว่า ดังนั้นผู้ขับขี่รถ จยย. ไม่ควรขับขี่รถอยู่พื้นที่ด้านหน้าในระยะประชิด ด้านขวา ผู้ขับรถบรรทุกจะเห็นรถคันอื่นก็ต่อเมื่ออยู่ในรัศมีของกระจกมองข้างหากรถบรรทุกต้องการเลี้ยวเปลี่ยนช่องทางอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ด้านหลัง ผู้ขับรถบรรทุกไม่สามารถมองเห็นด้านหลังของรถบรรทุกจากกระจกมองหลังได้ ควรเว้นระยะปลอดภัย เผื่อการเบรกกะทันหัน และการถอยหลังของรถบรรทุก ด้านซ้ายของรถบรรทุก ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายที่สุด เนื่องจากเป็นจุดที่มีทัศนวิสัยแคบที่สุด ผู้ขับรถบรรทุกสังเกตเห็นรถคันอื่นได้ยาก ผู้ขับขี่รถ จยย. จึงควรหลีกเลี่ยงขับขี่รถเข้าไปใกล้พื้นที่จุดบอดของรถบรรทุกในทุกกรณี เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ได้ดำเนินการเพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุในกลุ่ม จยย. มาอย่างต่อเนื่อง เช่น ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ ไม่ใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และสวมหมวกนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน เนื่องจากหมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญเพื่อป้องกันอุบัติเหตุช่วยลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุของการบาดเจ็บที่ศีรษะและสมองลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของผู้ขับขี่แนะนำให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัยที่มีคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) รวมทั้งต้องหมั่นตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะใช้งานอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยต่อตัวผู้ขับขี่เองและผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน