เมื่อเวลา 07.55 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงการลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับไปที่ต้นสังกัด หลังให้มาช่วยราชการ ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกรวม 5 คน ออกจากราชการไว้ก่อน โดยระบุว่า 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ก็ได้มาพูดคุยกับตน เพื่อขอให้ส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับต้นสังกัด เพื่อจะได้ไปดำเนินการ

เมื่อถามว่ากรณีนี้ เกี่ยวข้องกับผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังตรวจสอบอยู่ มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบต่อ ทั้งในส่วนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่คำสั่งที่ออกมาเมื่อวานนี้เป็นคนละคดีกัน

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากไปกดดัน อย่างที่ตนเคยบอกไว้ กระบวนการยุติธรรมไม่มีใครไปก้าวก่ายหรือเร่งรัดอะไร เข้าใจในความสามารถและความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการทั้ง 3 คน เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตาอยู่

และเมื่อถามว่าเหตุผลที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะไปแทรกแซงเรื่องคดีและยังมีอิทธิพลอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามที่รักษาการผู้บัญชาการแห่งชาติบอก เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและการตรวจสอบภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีการดำเนินการกันมา

เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่อาจจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเชื่อว่าแต่ละกรณีก็มีความแตกต่างกันไป เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกท่าน.