นาวาตรีเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ผู้ให้บริการเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา เส้นทางปากเกร็ด-วัดราชสิงขร เปิดเผยว่า เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 67 ระหว่างวันที่ 12-16 เม.ย.67 รวม 5 วัน โดยตรวจสภาพเรือโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาให้บริการที่มีอยู่ 50 ลำ ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน และอุปกรณ์ความปลอดภัยเป็นไปตามที่กรมเจ้าท่า (จท.) กำหนด ส่วนพนักงานขับเรือ และให้บริการภายในเรือ มีร่างกายที่พร้อม สารเสพติด และ แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ รวมทั้งได้จัดอบรมพนักงานร่วมกับตำรวจน้ำ เพิ่มทักษะความรู้เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุด
อย่างไรก็ตามคาดว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จำนวนผู้โดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาจะลดลงประมาณ 2,000-4,000 คนต่อวัน หรือคิดเป็น 30% ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ 12,000-14,000 คนต่อวัน จากช่วงเดินทางปกติอยู่ที่ 16,000 คนต่อวัน เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง และกลุ่มผู้โดยสารที่ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางลักษณะรูปแบบประจำ เช่น ไปทำงาน ไปโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งช่วงสงกรานต์มีการหยุดงานดังกล่าว
นาวาตรีเจริญพร กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ผู้ใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาในขณะนี้มีผู้โดยสารใช้บริการอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนเป็นชาวไทยประมาณ 90-95% ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน และนักศึกษา ส่วนอีก 5-10% เป็นชาวต่างชาติที่ต้องการนั่งเรือโดยสาร ตอนนี้ผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่นในช่วงต้นทางและปลายทาง เร่งด่วนเช้าเวลา 06.30-08.00 น. และ เร่งด่วนเย็นเวลา 16.30-18.30 น. เรือออกทุก 5 นาทีต่อลำ และ บางท่าเรือที่มีการใช้บริการจำนวนมาก เช่น ท่าเตียน และ ท่าราชวงศ์ ที่จะเป็นท่าเรือที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเป็นหลัก ซึ่งเรือด่วนเจ้าพระยาบริหารจัดการจำนวนเรือและเที่ยววิ่งให้สอดคล้องกับผู้ใช้บริการต่อไป
ปัจจุบันแม้จะมีผู้โดยสารใช้บริการต่อเนื่องอยู่ที่ 16,000 คนต่อวัน แต่ยังไม่เทียบเท่าช่วงที่ไม่มีโควิด-19 ในปี 62 อยู่ที่ 34,000 บาทต่อวัน เพราะอีก 18,000 คนต่อวันที่หายไป เนื่องจากตอนช่วงโควิด-19 ประชาชนกลับภูมิลำเนา และไปประกอบอาชีพอื่นไม่กลับมา รวมทั้งขณะนี้ในแม่น้ำเจ้าพระยามีผู้ประกอบการเรือโดยสารรายอื่นมาให้บริการ ทำให้เกิดส่วนแบ่งจำนวนผู้โดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย รวมทั้งผู้โดยสารปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพราะสะดวก รวดเร็ว และ ประชาชนบางคนยังทำงานอยู่ที่บ้าน เน้นทำงานออนไลน์มากขึ้น