หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เปิดรังชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ต่อไปนี้คือ 5 ประเด็นสำคัญที่น่าจะหยิบยกมาคุยกัน

1) เกมไม่ได้สมบูรณ์แบบ
อาจไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่ ลิเวอร์พูล ก็ปิดจ็อบตัวเองได้สำเร็จ เมื่อจัดการเปิดรังอัด “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 กลับขึ้นไปนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

สถานการณ์ตอนนี้ ทุกทีมเตะ 30 นัดเท่ากัน ลิเวอร์พูล 70, อาร์เซนอล 68 และแมนฯ ซิตี 67 เหลืออีกแค่ 8 เกมเท่านั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้

เกมนี้ เจอร์เกน คลอปป์ จัดชุดใหญ่ลงสนาม แม้มีเกมแดงเดือดรออยู่วันอาทิตย์ เพราะก่อนเกมนี้ถูก อาร์เซนอล แซงขึ้นไปนำก่อน

อาจมีเปลี่ยนบ้างบางตำแหน่ง แทนนักเตะที่ไม่สมบูรณ์ แดนหลัง โจ โกเมซ ลงมายืนแบ๊กซ้าย, แดนกลาง ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลงมาแทน วาตารุ เอ็นโด

ส่วนแดนหน้าเหมือนเดิม โม ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์

2) “แม็ค อัลลิสเตอร์” – การซื้อแห่งฤดูกาล
นูนเญซ ตามบล็อกลูกยิงของโกล์ดาบคู่ ทำให้นำตั้งแต่นาที 17 เกมเหมือนเข้าทาง แต่ คอนนอร์ แบรดลีย์ สกัดเข้าประตูตัวเองแบบไร้โชค นาที 58 ทำให้เกมเสมอกัน ขณะที่เหลือครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ลิเวอร์พูล โหมบุก จะเอาประตู และเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ตะบันเต็มข้อให้ทีมขึ้นนำ ในช่วงที่เหลือไม่ถึง 15 นาที ก่อนที่ โคดี กักโป จะโขกปิดกล่อง นาที 90

ฟอร์มของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะช่วงหลัง ถือว่ายอดเยี่ยมมาก และทำให้เริ่มมีเสียงวิจารณ์ว่า นี่คือนักเตะสำคัญที่สุดของทีม

เขาอาจทำประตูได้ไม่เยอะ (3 ลูก) แต่ว่าแต่ละลูกล้วนสำคัญสุดๆ ยิ่งกว่านั้นคือการส่วนร่วมกับทีม ที่ตอนนี้แทบจะขาดไม่ได้ไปแล้ว และเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง

นี่จึงอาจเป็นการซื้อแห่งฤดูกาลของ ลิเวอร์พูล เลยทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าค่าตัวแค่ 35 ล้านปอนด์เท่านั้น

โม ซาลาห์

3) “ซาลาห์” ผู้อ่อนล้า
แต่คนที่ดร็อปลงไปหน่อย น่าจะเป็น โม ซาลาห์ ที่เกมนี้ โดนเปลี่ยนออก แล้วให้ ฮาวีย์ เอลเลียต ลงมาเล่นแทน ตั้งแต่นาที 60

ซาลาห์ ใส่หมดแม็กมาตลอด และเพิ่งยิงประตูชับท้ายเกมให้ทีมชนะ ไบรท์ตัน 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ และอย่าลืมว่า นี่เป็นช่วงที่เขาถือศีลอด จึงอาจไม่สามารถใส่เต็มถังได้ทุกเกม

ถอดออกก่อนเกมนี้ เพื่อไปจัดหนักในแดงเดือด ในวันอาทิตย์ดีกว่า

4) เก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำกับทีมเล็ก
ชัยชนะนัดนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่นแค่ 4 แต้ม ในการเจอกันทีมนอก “บิ๊ก 6” แมนฯ ซิตี, อาร์เซนอล, แมนฯ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส และ เชลซี

เกมที่เสียแต้มคือนัดที่เสมอ ลูตัน กับ ไบรท์ตัน ตอนครึ่งแรกของดูกาลเท่านั้น และการชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บได้ถึง 62 จาก 22 เกม ที่เจอทีมนอก “บิ๊ก 6”

ไม่ต้องสงสัยว่าคืออีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขานำจ่าฝูงตอนนี้

ควีวีน เคเลเฮอร์

5) ไม่มี”เคเลเฮอร์”หมดลุ้นไปแล้ว
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้หงส์แดงมาอยู่จุดนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะ ควีวีน เคเลเฮอร์

ฤดูกาลนี้ อลิสซอน เบคเกอร์ มีปัญหาเจ็บหลายครั้ง และค่อนข้างนาน โกล์ทีมชาติไอร์แลนด์ จึงได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงไปแล้วถึง 24 เกมในทุกรายการ

และทุกเกมที่ลงเล่น เคเลเฮอร์ วัย 25 ปี ทำผลงานได้ดีตลอด จนไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นมือ 2 ซึ่งเกมนี้ก็เช่นกัน ที่เขาเซฟหลายลูก โดยเฉพาะลูกยิงของ เจมส์ แม็คเอที และเจย์เดน โบเกิล

เจอร์เกน คลอปป์ ถึงกับออกปากว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ ลิเวอร์พูล จะอยู่ตรงนี้ หรือมีลุ้นแชมป์ ถ้าหากไม่มีโกล์สำรองที่ดีอย่าง เคเลเฮอร์

ทำให้ตอนนี้ เริ่มมีข้อสงสัยพูดคุยกันแล้วว่า ถ้า เบคเกอร์ กลับมา ใครควรจะเป็นมือ 1 ของ ลิเวอร์พูล?