นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษก ขบ. เปิดเผยว่า ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือที่ประชาชนมักเรียกว่าสมุดคู่มือทะเบียนรถ เป็นเอกสารสำคัญประจำรถที่ออกให้โดย ขบ. เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของรถและแสดงรายละเอียดของตัวรถ เช่น ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ของรถ (เจ้าของรถ) ยี่ห้อของรถ หมายเลขตัวรถ รวมถึงประวัติการโอนรถและเสียภาษีประจำปี ฯลฯ เพื่อป้องกันมิให้ใบคู่มือจดทะเบียนรถสูญหาย

ดังนั้นขอแนะนำให้เจ้าของรถจัดให้มีสำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถแทนฉบับจริงไว้ เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที ทั้งนี้ หากเจ้าของรถทำใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริงสูญหาย สามารถยื่นคำขอทำใหม่ได้ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ โดยใช้เอกสารหลักฐานการแจ้งความใบคู่มือจดทะเบียนรถสูญหายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือให้นายทะเบียนบันทึกถ้อยคำประกอบคำขอ ณ สำนักงานขนส่ง พร้อมกับใช้เอกสารหลักฐานเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. กรณีบุคคลธรรมดา ให้ใช้บัตรประชาชนฉบับจริงหรือแสดงบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน ThaID (แสดงบัตรฯ ผ่านแอปต่อหน้าเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่สามารถถ่ายรูปหรือแคปหน้าจอได้)

2. กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรองนิติบุคคลซึ่งมีอายุไม่เกิน 1 ปี พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจลงนาม 

3. กรณีเจ้าของรถเป็นบุคคลธรรมดาและไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองได้ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจ ทั้งนี้ ต้องนำบัตรประชาชนฉบับจริงของผู้รับมอบอำนาจมาแสดง หรือแสดงบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน ThaID โดยมีอัตราค่าธรรมเนียม ได้แก่ ค่าคำขอ 5 บาท ค่าใบแทนสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ 50 บาท 

นายเสกสม กล่าวต่อว่า สำหรับเจ้าของรถที่ต้องการขอแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนกรณีชำรุด สูญหาย หรือลบเลือนในสาระสำคัญ ต้องใช้หลักฐานดังต่อไปนี้ กรณีบุคคลธรรมดาต้องใช้ใบคู่มือจดทะเบียนรถ บัตรประชาชนฉบับจริง กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องใช้ใบคู่มือจดทะเบียนรถ หนังสือรับรองนิติบุคคล ซึ่งมีอายุไม่เกิน 1 ปี พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจลงนาม กรณีรถที่ติดไฟแนนซ์ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจจากไฟแนนซ์ด้วย มีค่าคำขอ 5 บาท ค่าแผ่นป้ายแผ่นละ 100 บาท

ทั้งนี้ โดยระหว่างนี้สามารถใช้ใบเสร็จรับเงินแทนแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นการชั่วคราวได้ โดยใบคู่มือจดทะเบียนรถและแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นเอกสารของทางราชการที่สำคัญที่ ขบ. ออกให้กับเจ้าของรถที่นำมาจดทะเบียนถูกต้อง หากชำรุดหรือสูญหายต้องรีบเข้ามาดำเนินการทำใหม่โดยเร็ว หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบแล้วไม่มีเอกสารดังกล่าวแสดงต่อเจ้าหน้าที่จะมีความผิดทางกฎหมาย หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง หรือโทรฯ สายด่วน 1584