น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์เงื่อนไขโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 โดยอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับดำเนินโครงการ 135 ล้านบาท พร้อมกำหนดวัตถุประสงค์การกู้ให้ครอบคลุมถึงการลงทุน ขยายและปรับปรุงกิจการ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ จากเดิมที่จะให้สินเชื่อเฉพาะการเสริมสภาพคล่องเท่านั้น 

ทั้งนี้ยังปรับปรุงระยะเวลาการกู้จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็น ไม่เกิน 10 ปี โดยปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี โดยให้รวมถึงลูกหนี้ที่ได้รับสินเชื่อไปก่อนมีการปรับปรุงรายละเอียดครั้งนี้ด้วย โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ดำเนินโครงการ จะประสานติดต่อลูกหนี้เพื่อดำเนินตามขั้นตอน และปรับปรุงเงื่อนไขการชดเชยของรัฐบาล ที่จะชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 100% สำหรับเอ็นพีแอลไม่เกิน 40% ของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ จากเดิมที่กำหนดชดเชย 100% สำหรับกรณีเอ็นพีแอล ไม่เกิน 25% และชดเชย 50% กรณีเอ็นพีแอล เกิน 25% แต่ไม่กิน 40% 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การปรับปรุงเกณฑ์และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระหนี้เพื่อประคับประคองการฟื้นฟูธุรกิจให้สามารถดำเนินการได้ต่อไป รวมถึงช่วยให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังรายงานว่า โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2563 ซึ่ง ณ วันที่ 24 ส.ค. 2564 ธพว.ได้อนุมัติสินเชื่อตามโครงการแล้ว 4,639 ราย เป็นเงิน 8,008 ราย จากวงเงินทั้งโครงการ 10,000 ล้านบาท มีวงเงินคงเหลือ 1,992 ล้านบาท