เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 67 ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเรียกประชุมคณะกรรมการวันแม็พ (Onemap) ในวันนี้ ว่า เป็นการประชุมตามวงรอบปกติ หลังจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเสร็จแล้ว เพื่อนำมาเสนอคณะกรรมการวันแม็พ ถ้าคณะกรรมการเห็นชอบ ก็จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยการประชุมวันนี้ จะมีหยิบยกประเด็นปัญหา ส.ป.ก.เขาใหญ่ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งหากระบบหรือมีสิ่งใดคลาดเคลื่อนที่จะเป็นข้อสังเกต ให้คณะกรรมการวันแม็พไปพิจารณาปรับปรุง ก็จะมาพูดคุยกัน

นายสุทิน กล่าวว่า ประเด็นปัญหา ส.ป.ก.เขาใหญ่ ต้องดูว่าที่ไม่จบ เพราะไม่ฟังเหตุผลกันหรือไม่ หรือไม่จบเพราะการทำวันแม็พของเราบกพร่อง หากเป็นที่ระบบของเรา ซึ่งวันนี้ก็จะตรวจสอบ เพื่อให้คณะกรรมการยืนยันอีกครั้งตามหลักวิชาการ ว่าได้ทำตามหลักวิชาการและระบบที่สมบูรณ์แล้วหรือยัง ถ้าสมบูรณ์แล้วอีกฝ่ายไม่ยอมรับ ปัญหาก็ไม่ได้เกิดที่ตรงนี้แล้ว

ส่วนที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะนำเรื่องฟ้องศาล ต้องชะลอเรื่อง ส.ป.ก.เขาใหญ่ เข้า ครม. หรือไม่นั้น ยืนยันว่าเราสามารถดำเนินการควบคู่ไปได้ แต่ระหว่างดำเนินการก็ต้องเคารพศาล

นายสุทิน ยังยืนยันว่า คณะกรรมการวันแม็พ ยังมีหน่วยงานอื่นด้วยนอกจากกองทัพ อาทิ เลขาฯ ปปง. ซึ่งนั่งเป็นเลขาฯ คณะกรรมการวันแม็พ ถือเป็นองค์กรที่ต้องเชื่อมั่นได้ว่าเขาสุจริต มีการถ่วงดุลตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นสิทธิขาดของเจ้ากรมแผนที่ หรือกองทัพ ทำฝ่ายเดียว มีองค์กรอื่นเข้ามาคานอยู่

เมื่อถามว่า มีเรื่องการเมือง หรือการกลัวเสียหน้าอะไร เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เรื่องนี้ตนไม่แน่ใจว่ามีส่วนนี้เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่โดยระบบมันก็จบ ซึ่งทุกฝ่ายต้องยอมรับระบบ ส่วนเรื่องกลัวเสียหน้าหรือไม่ยังไม่ถึงขั้นนั้น ทุกคนต่างฝ่ายต่างรักษาผลประโยชน์ มองต่างกันเพราะถือแผนที่คนละฉบับ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาตลอด เมื่อถามว่า ที่ ส.ป.ก.เขาใหญ่ เป็นแนวกันชน ในอนาคตหากนโยบายเปลี่ยน จะสามารถนำมาจัดสรรให้ประชาชนได้อีกหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ ตอนนี้ให้ความเห็นได้เพียงว่ากองทัพทำดีที่สุด ในอนาคตจะเอาไปจัดสรรได้หรือไม่ได้ ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวันนี้ กรมแผนที่ทหาร จะเสนอให้นายสุทิน พิจารณาปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ โดยจะยกให้อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ เพื่อแก้ปัญหาการถือแผนที่คนละฉบับจนนำมาซึ่งความขัดแย้ง และเป็นการอนุรักษ์ป่า