บริษัท​ ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด เปิดงานปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ ต้นแรกในพื้นที่เพาะปลูกรวม 1600 ไร่ ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานราก ให้แก่กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน โดยผลักดัน  “กัญชง” เป็นพืชเรือธง ฟื้นเศรษฐกิจไทยร่วมกับพืชสมุนไพรอื่นๆ เตรียมโรงงานสกัดกัญชงด้วยเทคโนโลยีที่ผ่านการวิจัยมามากกว่า 20 ปี  ให้สอดคล้องความต้องการของภาคธุรกิจและนักลงทุน คาดว่าจะส่งมอบสารสกัดจากกัญชงได้ภายใน เดือนธันวาคมปีนี้  พร้อมแง้มผู้สนใจอยากร่วมลงทุนสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัล Crypto Token ในการแลกเปลี่ยนสินค้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ สู่ตลาดโลก

นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา  ประธานบริษัท ไทยเฮมพ์ เวลเนส และ ดร.เสฐียรพงษ์ แก้วสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ พร้อมด้วยเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชงของบริษัทฯ ได้จัดงานปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ โดยมี นายวีรชาติ เขื่อนรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานจัดงาน พลเอกสุทัศน์ จารุมณี ดร.เพิ่มศักดิ์ สุภาพรเหมินทร์ กรรมการมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ นายดิเรก ตนพยอม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดกิจกรรมการปลูกกัญชงต้นแรก เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์ โดยกิจกรรมได้จัดขึ้นในรูปแบบกิจกรรมกลางแจ้ง ณ แปลงปลูกกัญชงเลขที่ใบอนุญาต ชร 171/2564 (ป)  ของ นายศิริชัย ใจแปง พิกัดสถานที่ 19.745239, 99.711847  ณ ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย

ดร.เสฐียรพงษ์ แก้วสด ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานนี้ว่า “การนำกัญชงมาพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้นั้น เนื่องจากกัญชงเป็นพืชที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย โดยเฉพาะสารสกัดจากกัญชงมีมูลค่าสูงที่จะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การปลูกกัญชงได้มีใช้เทคโนโลยีปุ๋ยอินทรีย์และเทคโนโลยีเอนไซม์ จากประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถกระตุ้นให้กัญชงมีการสังเคราะห์และสะสมสาร CBD ในส่วนของใบสูงกว่าการปลูกปกติเกือบ 10 เท่า จึงมีปริมาณที่เหมาะสมต่อการนำไปสกัด โดยแปลงปลูกนี้ เป็นต้นแบบให้เกษตรกรที่ได้รับใบอนุญาตซึ่งมีสัญญาการซื้อขายกัญชงกับบริษัทฯ รวมพื้นที่ทั้งหมด 1,600 ไร่ สร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรรวมทั้งภาคธุรกิจปลายน้ำที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ 

ขณะนี้ตลาดโลกมีความต้องการสาร CBD ที่สกัดจากกัญชง สูงถึง 6,500 ตัน/ต่อปี และไม่เกิน 2 ปีจากนี้จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 7,500 ตัน  จึงมีภาครัฐและภาคเอกชน ให้ความสนใจ เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่จะสามารถช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากได้ ให้กับเหล่าเกษตรกร  ให้ได้เปลี่ยนวิถีการผลิตเป็นพืชที่มีมูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีการเกษตรกรสมัยใหม่และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลในด้านบวก พร้อมเป็นห่วงโซ่แก่ธุรกิจที่จะเป็นการเติบโตของกัญชงในเชิงพาณิชย์”

ดร.เสฐียรพงษ์ กล่าวต่อว่า “ ในตอนนี้ เกษตรกรสามารถปลูกกัญชง ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทเฮมพ์ เวลเนส จำกัด  ได้มีข้อตกลงความร่วมมือกับภาคธุรกิจ เพื่อนำสารสกัดจากกัญชงไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทในเครือของกลุ่มโรงพยาบาลยันฮี  และนอกจากนี้ยังมีโรงงาน OEM ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริมอีกหลายราย  ดังนั้นทางเราจึงเร่งติดตั้งเครื่องจักร ซึ่งได้สั่งซื้อมาจากประเทศมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ที่จะสามารถสกัดกัญชงได้มากกว่าวันละ 2 ตันน้ำหนักแห้ง เพื่อส่งมอบให้กับพันธมิตรเหล่านี้ ในขณะเดียวกันทางบริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยภาครัฐหลายแห่งในทางภาคเหนือ เพื่อวิจัยและพัฒนาการกำหนดมาตรฐาน คุณลักษณะและคุณสมบัติของสารพฤกษเคมีให้มีความเหมาะสมต่อการนำไปใช้ที่จะเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่างสูงสุด นับว่ากัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่น่าจับตามอง ที่จะยกระดับธุรกิจในกลุ่มสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม ยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสมุนไพร รวมทั้งยังใช้กับสัตว์ได้เป็นอย่างดี”

สำหรับผู้ที่สนใจสารสกัดซีบีดี (CBD) และผลิตภัณฑ์จากกัญชง ใบสด ใบแห้ง ใบชา และสนใจร่วมปลูกกัญชง หรือพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับบริษัทฯ สามารถติดต่อกับทางบริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด
CONTACT  0619262466 Line at : @thaihempwellness
https://www.thaihempwellness.com/