กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี, สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี และศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล ร่วมในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือดำเนินงานนโยบายและมาตรการเพื่อพัฒนาฐานข้อมูลเชิงสถานการณ์และพฤติกรรมด้านการเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในประเทศไทย บนพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบนำร่องการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของเด็กปฐมวัยในประเทศไทย

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมสุขภาพกลุ่มเด็กปฐมวัยหรือกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 1-4 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสติปัญญา พัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็กไทยให้เติบโตสมวัยครบทุกด้านทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา เพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับอนาคตและสุขภาพของเด็ก ที่สำคัญคือการเป็นรากฐานสำคัญต่อพัฒนาประเทศ ด้วยการสนับสนุนพื้นที่สุขภาวะให้เกิดการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอและสม่ำเสมอในระดับปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน

ทั้งนี้ จากผลการเฝ้าระวังของ สสส.พบว่า ยังมีเด็กไทยจำนวนหนึ่งที่พัฒนาการไม่สมวัย โดยเฉพาะด้านการช่วยเหลือตนเองและสังคม ขณะที่ ผลการจัดลำดับคะแนนระดับสติปัญญา (IQ) จาก World of Statistics พบว่าในปี 2552 ระดับสติปัญญาเฉลี่ยโดยรวมของประชากรไทย อยู่ที่ 88.7 คะแนน ต่ำกว่าปกติเล็กน้อย โดยอยู่ในอันดับที่ 64 จาก 199 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นการส่งเสริมสุขภาพเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการที่ดีครบทุกด้าน อย่างครบด้านให้มีผลสำเร็จตามเป้าหมายนั้น

“สิ่งสำคัญคือต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และสมาชิกในชุมชน ร่วมกันสร้างและสนับสนุนพื้นที่สุขภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ และนำไปสู่เป้าหมายการให้จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่สุขภาวะต้นแบบการส่งเสริมพัฒนาการที่สมวัยผ่านกิจกรรมทางกายที่เพียงพอขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ”

ดังนั้นการลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยและเป็นการวางรากฐานสำคัญของประเทศในอนาคตต่อไป.