น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 15 ปี ทสภ. ภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ นำมาซึ่งรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล แม้ต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ ทสภ. ยังคงพร้อมให้บริการผู้โดยสาร และเตรียมพร้อมรองรับการเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนสร้างความพึงพอใจในการให้บริการภายใต้รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (NEW NORMAL) โดยการก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 จะมุ่งมั่นพัฒนา และยกระดับคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่องทุกด้าน เพื่อคงความเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย และสมกับเป็นประตูสู่นานาชาติของไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างรอยยิ้มให้คนไทยอีกครั้ง
น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 64 ตั้งแต่เดือน ต.ค.63 – ส.ค.64 (รวม 11 เดือน) ทสภ. มีสายการบินประจำให้บริการ 77 สายการบิน มีเที่ยวบินทำการบินขึ้น-ลง 1.13 แสนเที่ยวบิน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 46.4% มีผู้โดยสารใช้บริการรวม 5.95 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 80.7% และมีปริมาณการขนส่งสินค้ากว่า 1.1 ล้านตัน ลดลง 4.3% ทั้งนี้นับตั้งแต่ ทสภ. เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.49 มีผู้โดยสารใช้บริการรวมกว่า 692 ล้านคน ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศรวม 18.6 ล้านตัน ปริมาณเที่ยวบินรวมกว่า 4.3 ล้านเที่ยวบิน
น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทสภ. ได้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการผู้โดยสารในด้านต่างๆ อาทิ โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถด้านทิศตะวันออก (อาคารจอดรถโซน 2 ส่วนขยาย) หากก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.65 จะสามารถเพิ่มช่องจอดรถให้สามารถจอดรถได้ 1,022 ช่องจอด, โครงการปรับปรุงอาคารจอดรถโซน 2 และอาคารจอดรถโซน 3 เพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยในการใช้บริการ และติดตั้งระบบจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์แบบอัตโนมัติ (Auto Pay) ใช้งานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยสามารถดูจำนวนช่องจอดได้แบบเรียลไทม์ และในอนาคตจะสามารถดูจำนวนช่องจอดรถที่สามารถใช้งานได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น AOT Airports
น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ลานจอดรถระยะยาวโซน A และลานจอดรถโซน 6 – 7, โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารผู้โดยสาร, โครงการก่อสร้างและปรับปรุงห้องสุขา ภายในอาคารผู้โดยสาร อาคารเทียบเครื่องบิน A ถึง G 52 จุด และการจัดทำห้องให้นมบุตร (BABY ROOM) เพิ่มเติม ณ ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ชั้น 2 อาคารเทียบเครื่องบิน D และ ขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 อาคารเทียบเครื่องบิน B, โครงการปรับปรุงจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โซน 1-3 อาคารผู้โดยสาร, โครงการพัฒนาระบบรถรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่) ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทสภ. ยังปรับปรุงพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้านขนส่งสินค้าทางอากาศ อาทิ โครงการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Preshipment Inspection Center) หรือ PPL เป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าและมาตรฐานการตรวจสอบสินค้าเกษตรให้แก่ผู้ส่งออกและเกษตรกรของไทย ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจี คาร์โก้ จำกัด และ บริษัทเอกชนหลายแห่งที่ให้ความร่วมมือส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานสินค้าการเกษตรของไทยให้ทัดเทียมนานาชาติโดย คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 65
นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่เชื่อมโยงท่าอากาศยานภูมิภาค (AOT Local Logistics Link) เพื่อประกอบกิจการกระจายสินค้าภายใต้การขนส่งหลายรูปแบบ ที่นำเข้าทางด่านศุลกากรอื่น เพื่อมาปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตปลอดอากร ทสภ. นับเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการส่งมอบสินค้าภายใต้หลักการจัดการโลจิสติกส์ที่สร้างความได้เปรียบในการขนส่งสินค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 65, โครงการขยายอาคารตรวจค้น (Access Control), โครงการติดตั้งระบบออกบัตรคิวอัตโนมัติ (AOT Free Zone Smart Queue Application) และจะดำเนินการพัฒนาระบบในส่วนของการจองคิวล่วงหน้าแบบออนไลน์ผ่าน Mobile Application (FZ Smart Queue)
โครงการปรับปรุงสำนักงานศุลกากรฝ่ายสืบสวนและปราบปรามทั้ง 4 โครงการ มีกำหนดเวลาแล้วเสร็จประมาณเดือน ธ.ค.65 และโครงการติดตั้งระบบบริหารจัดการบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออกพื้นที่กำกับดูแล ณ เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ทสภ. หรือ Pre-Smart AccessPhase 1 Digital Cargo M4 เป็นระบบสำหรับออกบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะชนิดชั่วคราวรายวัน (ไม่เกิน 24 ชม.) สำหรับบุคคลทั่วไป (Visitor) โดยคาดว่าจะพัฒนาและติดตั้งระบบแล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.65