ศึกบาสเกตบอล “ฟีบ้า เอเชีย คัพ 2025 ควอลิฟายเออร์ส” ซึ่งเป็นรอบคัดเลือกเพื่อจะหาตัวแทนของแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ในการเป็นตัวแทนทวีปไปแข่งขันชิงแชมป์โลก ในรอบที่ 3 นี้ ทีมบาสเกตบอลชายทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย แข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน หาทีมที่ผลงานดีที่สุด 2 ทีมของแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ส่วนอันดับ 3 ของแต่ละกลุ่มจะนำไปไขว้เพลย์ออฟกันเองอีกครั้ง

ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.67 ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ทีมยัดห่วงหนุ่มไทย ลงประเดิมนัดแรก เปิดบ้านพบกับ อินโดนีเซีย โดยรายชื่อผู้เล่น 5 คนแรกของทั้งสองทีม มีดังนี้ ไทย ประกอบด้วย ณัฐกานต์ เมืองบุญ, เอ็มมานูเอล ชิเนดู เอเจสุ, เฟรเดริค ลิซ, โมเซส มอร์แกน และ อาณัติ พ่วงลา ส่วน อินโดนีเซีย ประกอบด้วย มูฮัมหมัด ฮาดราน นูร์, มูฮัมหมัด ฟาห์ดานี กุนทารา, อกัสซี กวนทารา, เลสเตอร์ โพรสเปอร์ และ วิดยานตา เทจา

ผลการแข่งขันปรากฏว่า หนุ่มไทย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมชู้ตชนะหนุ่มแดนอิเหนา 73-56 เก็บ 2 แต้มแรกเอาไว้ได้อย่างสวยงาม เกมนี้ โมเซส มอร์แกน ของไทย ระเบิดฟอร์มสุดยอด รันคะแนนคนเดียว 12 แต้มรวด ส่วนนัดที่ 2 ทีมยัดห่วงหนุ่มไทย จะไปเยือน เกาหลีใต้ ที่เมืองวอนจู ในวันที่ 25 ก.พ.นี้

หลังจบเกม “เฮียต่าย” นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเป็นเจ้าภาพเกมนี้ของไทยทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ เพราะเราสร้างสรรค์งานออกมาได้มาตรฐานระดับโลกอย่างที่สหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ (ฟีบ้า) ต้องการทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อเขาต้องการยกระดับการจัดเราก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่เดินทางเข้าไปเชียร์ที่สนามนิมิบุตร ทำให้รู้ว่ากระแสดีมากๆ ตนไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้ โดยที่เราไม่ได้มีการเกณฑ์คนมาร่วมเชียร์ด้วย ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากที่ผลงานของทีมบาสชายไทย ที่ชนะมาทุกเกมในรอบคัดเลือกรอบแรก และแพ้แค่เกมเดียวในรอบคัดเลือกรอบที่ 2

นอกจากนี้นักกีฬาทีมชาติไทย ไม่ได้มีหน้าที่แค่ทำผลงานดีในสนาม หากแต่พวกเขายังทำหน้าที่เป็นไอดอลของเด็กๆ ที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอลทุกคนด้วย และหากใครเข้าไปชมในสนามจะเห็นได้ว่าแฟนๆ จะตามเข้ามาส่งเสียงกรี๊ดให้กับบรรดานักกีฬาหน้าใหม่ที่เพิ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรกอย่างถาโถมด้วย ซึ่งมีการบันทึกสถิติไว้หลังเกมจบว่ามียอดผู้เข้าชมในสนามกว่า 3,800 คน ซึ่งเป็นตัวเลขของคนดูที่เยอะสุดในรอบกว่า 20 ปี ตนจำได้คร่าวๆ ว่ากองเชียร์ไทยเข้ามาชมเกมเยอะสุดน่าจะเป็นปี 2553 ที่สโมสรช้างไทยสแลมเมอร์ส ลงแข่ง ตอนนั้นมีจำนวนราวๆ 2,000 คน ส่วนจำนวนยอดคนดูถ่ายทอดสดในเกมวันนี้มีราวๆ 30,000 คนด้วยกัน

“เฮียต่าย” กล่าวต่อว่า ในเกมการแข่งขันนั้น ทางโค้ชเอดู ตอร์เรส วางแผนมาดีจริงๆ อันที่จริงเขาต้องการยิงชนะให้ขาดถึง 30 แต้ม เพื่อประโยชน์ในการดูสถิติเฮดทูเฮดภายหลัง แต่เสียดายที่ท้ายเกม “โมเซส มอร์แกน” ตัวทำแต้มเยอะที่สุดของเราในเกมนี้มีอาการกล้ามเนื้อขากระตุก ต้องออกไปพักเสียก่อน และโค้ชเอดู ก็พยายามส่งเด็กใหม่ๆ ลงไปสร้างประสบการณ์ด้วย ดังนั้นจบลงด้วยผลห่าง 17 แต้มก็ถือว่าน่าชื่นชมแล้ว และเกมนี้ตนก็อัดฉีดโบนัสให้นักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชไปหลายหมื่นบาท และได้แจ้งพวกเขาไปแล้วว่าพร้อมอัดฉีดให้หลายแสนถ้าสามารถช่วยกันเอาชนะเกาหลีใต้ ในเกมต่อไปได้

“อยากฝากให้แฟนๆ กองเชียร์ร่วมส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬากันต่อในเกมกับเกาหลีใต้ วันที่ 25 ก.พ.นี้ ผ่านการถ่ายทอดสดของทางฟีบ้าเอเชีย คงต้องยอมรับว่าพวกเขามาตรฐานดีกว่า และได้ยินว่าน่าจะเอาชุดใหญ่ที่ไปแข่งเอเชียนเกมส์ มาสู้ และไทยเองก็ไม่ได้เต็มทีมจากการขาด ไทเลอร์ แลมบ์ และ มาร์ติน บรอยนิก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเป็นวันดีๆ สำหรับไทยก็อาจสร้างเซอร์ไพร้ส์ ก็อยากให้เชียร์กันสนุกๆ สุดท้ายนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลฯ อยากกล่าวว่าดีใจกับภาพความสวยงามที่เกิดขึ้นที่สนามนิมิบุตรในเกมนี้ อยากให้คนดูมาร่วมเชียร์กันเยอะๆ แบบนี้อีกในการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในเดือน พ.ย.นี้ เราจะพยายามจัดแข่งขันในสนามที่เดินทางสะดวกและจัดช่วงเวลาที่จะสะดวกคนดูมากที่สุด เผื่อโอกาสที่พวกเขาจะได้มีเวลาสัมผัสกับนักกีฬาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นหลังจบการแข่งขัน สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่พวกคุณทำในวันนี้ทั้งหมดจะเกิดเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยฮึกเหิม” เฮียต่าย ย้ำส่งท้าย