เมื่อวันที่ 20 ก.พ. มีรายงานว่าวานนี้ (19 ก.พ.) ร.ต.อ.หยกเพชร วรรณพฤกษ์ รอง สว.(สอบสวน)สภ.นายูง ได้รับแจ้งเหตุอดีตลูกเขยขับรถคีบอ้อยไปพังบ้านอดีตพ่อตาจนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 174 ม.1 ต.นายูง อ.นายูง จ.อุดรธานี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน และผู้ใหญ่บ้าน

ที่เกิดเหตุพบนายธีระพงษ์ ฤทธิ์เจริญ อายุ 32 ปี นั่งร้องไห้โวยวายอยู่บนรถคีบอ้อย หลังจากคุ้มคลั่งขับรถคีบอ้อยพุ่งเข้าชนบ้าน รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะยกแขนเหล็กที่ใช้คีบอ้อย กระหน่ำทุบตัวบ้านจนพังเสียหายไปทั้งแถบ โดยมีลูกชายเจ้าของบ้าน หรืออดีตน้องเมียผู้ก่อเหตุ อยู่ในเหตุการณ์และถ่ายคลิปคณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้ตัดพ้อต่อว่าครอบครัวอดีตพ่อตามากีดกันความรัก หลังจากนั้นผู้เสียหายและชาวบ้าน ได้ออกมาล้อมรถไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนี กระทั่งตำรวจมาถึงจึงควบคุมตัวไปโรงพัก

ต่อมา พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ ก่อนระบายความอัดอั้นตันใจว่า ตนไม่รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป ตนไม่สำนึกผิด ไม่คิดจะขอโทษครอบครัวอดีตพ่อตา แต่ยอมรับว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากแค้นที่ครอบครัวอดีตพ่อตา กีดกันความรักระหว่างตนกับอดีตภรรยา อายุ 32 ปี ลูกสาวของเขา โกรธแค้นที่ไม่ให้โอกาสตนได้เก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่าที่เคยอยู่ น้อยใจที่เขาไม่ให้เจอหน้าลูกชายวัย 7 ขวบ เขาหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ยอมรับว่าเสพยาบ้า แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ตนลงแรงช่วยทำงานก่อร่างสร้างตัว จนเขามีทุกวันนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สงสารหรือฟังเหตุผลตนเลย

ขณะที่นายหนูเวียง อดีตพ่อตา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่ หลังจากนั้นก็นั่งเล่นพักผ่อนอยู่หลังบ้าน ไม่นานก็ได้ยิงเสียงดังโครมอยู่หน้าบ้าน พอวิ่งออกมาดูก็เห็นผู้ก่อเหตุขับรถคีบอ้อยมาชนบ้าน และใช้ตัวคีบอ้อยทุบตัวบ้าน พวกตนร้องห้าม แต่ก็ไม่ฟัง ยังคงพังบ้านอย่างบ้าคลั่ง พวกตนต้องวิ่งหนีตายออกไปทางหลังบ้าน โชคดีที่รอดมาได้โดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด และโชคดีที่ตนยังไม่ขึ้นไปนอนบนบ้าน เพราะปกติจะขึ้นไปนอนแล้ว ผู้ก่อเหตุการทำตนให้ถึงตายแน่นอน หากขึ้นไปนอนยังไงตนก็ไม่รอด เขามุ่งมาพังห้องนอนตนก่อนเลย เขารู้ว่าใครนอนห้องไหนทั้งหมด ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุซ้ำ เพราะครอบครัวตนยังหวาดผวาอยู่

“ผู้ก่อเหตุแต่งงานกับลูกสาวตน นาน 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตอนแรกเขาเป็นคนดีมาก ตนรักเหมือนลูก ระยะหลังเขาทะเลาะกันหนักขึ้น ตนจึงไปปลูกบ้านให้อยู่ด้วยกันในที่ของตนประมาณ 4 ไร่ ไม่ห่างจากบ้านหลังนี้ ให้เขาอยู่ด้วยกันปรับความเข้าใจกัน แต่หนักไปกว่านั้นผู้ก่อเหตุเริ่มเสพยาบ้า และมักจะทำร้ายร่างกายลูกสาวตน ลูกสาวจึงหอบลูกกลับมาอยู่บ้าน ผู้ก่อเหตุก็ตามมาราวี ลูกสาวทนไม่ไหวยืนยันขอเลิก จึงหอบลูกหนีไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ เมื่อต้นปีที่แล้ว กระทั่งผู้ก่อเหตุไปมีแฟนใหม่ ตนก็ยังให้รถคีบอ้อยคันที่เอามาก่อเหตุเอาไว้ใช้ทำงาน ไปหารับจ้างคีบอ้อยคีบไม้ แต่เขากลับมาก่อเหตุแบบนี้ โดยมีการขู่อาฆาตมาตลอด และขู่จะฆ่าพวกตนยกครัว พวกตนก็ระวังตัวมาตลอด จนมาเกิดเหตุนี้ขึ้น” อดีตพ่อตา กล่าว

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” ส่วนข้อหาพยายามฆ่า จะต้องทำการสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.