บรรยากาศหุ้นไทยวันที่ 7 ก.ค.64 เคลื่อนไหวในแดนลบ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากแรงขายออกมาของหุ้นกลุ่มธนาคาร และน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงจากกลุ่มโอเปกพลัสที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องนโยบายการผลิตน้ำมันทำให้การประชุมถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,576.60 จุด ลดลง 14.83 จุด หรือ 0.93% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 82,477.06 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอปิดที่ 509.40 จุด ลดลง 6.69 จุด หรือ 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8,177.96 ล้านบาท

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังผันผวน โดยนักลงทุนกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่อยู่ในระดับสูง และติดตามจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่ามีความคืบหน้ามากขึ้นเพียงใด ที่สำคัญภาระหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาขาดสภาพคล่องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ขณะเดียวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเรียกเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่ได้มากขึ้นหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย เพราะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

1.มีนา ปิดที่ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 1.28 บาท

2.ธ.กรุงเทพ ปิดที่ 108.00 บาท ลดลง -4.00 บาท

3.ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 117.00 บาท ลดลง -1.00 บาท

4.ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดที่ 94.50 บาท ลดลง -1.75 บาท

5.ซีพีออลล์ ปิดที่ 60.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท