นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้มีการประชุมเตรียมการรับมือตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วโดยได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้ดำเนินการติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในภาวะน้ำท่วมอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีใครฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือค้ากำไรเกินควร ไม่เช่นนั้นจะให้พาณิชย์จังหวัด ดำเนินการตามกฏหมายโดยเคร่งครัด ซึ่งข้อหาค้ากำไรเกินควรจะจำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ช่วงหลังน้ำลดจะนำรถโมบายพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชนเข้าไปจำหน่ายสินค้าราคาถูกที่จำเป็นต่อการบริโภคในพื้นที่โดยเร็ว ได้มีการจัดเตรียมไว้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนแล้ว ระหว่างนี้ให้มีการเตรียมการตรวจสอบปริมาณสินค้าที่จำเป็นหลังน้ำลด เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน เครื่องมือในการก่อสร้างซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและสินค้าอื่นๆเป็นต้น ให้มีปริมาณเพียงพอและจำหน่ายในราคาที่ไม่เป็นการฉวยโอกาส เอาเปรียบประชาชน ได้สั่งการไปแล้วให้พาณิชย์จังหวัดร่วมกับจังหวัด ติดตามสถานการณ์และรายงานโดยใกล้ชิด ตนตามทุกวันว่าจังหวัดไหนเป็นอย่างไรบ้าง
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใด ขอปรับขึ้นราคาสินค้ามาให้กรมฯ พิจารณา โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังไม่ได้กระทบต่อภาพรวมของต้นทุนราคาสินค้า เนื่องจากสินค้า 1 รายการจะมีต้นทุนที่หลากหลายทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าแรงงาน ค่าการตลาด ส่วนต่างกำไร ค่าขนส่ง ซึ่งในค่าขนส่งก็มีน้ำมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของต้นทุนเท่านั้น จึงไม่ได้มีผลมากต่อภาพรวมต้นทุนราคาสินค้าอย่างมีนัยยะสำคัญ อีกทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันผู้ประกอบการก็ยังมีการจัด และปรับเปลี่ยนโปรโมชันอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขาย แข่งขันกันในตลาด
ส่วนกรณีที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ซีอิ๊วมีการปรับขึ้นราคา จากการตรวจสอบพบว่ายังคงขายตามราคาที่แจ้งไว้กับกรมฯ เช่น ซีอิ๊วขาว ยี่ห้อดัง ขนาด 700 มล. ราคาหน้าฉลาก 44 บาท แต่ขายเฉลี่ยขวดละ 38-42 บาท ซึ่งราคาแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกัน มีการปรับขึ้นลงบ้างตามการจัดโปรโมชั่น แต่ยังไม่ขึ้นเกินกำหนด หรือแจ้งขอขึ้นราคาเข้ามา อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้มีการติดตาม และส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบต่อเนื่อง หากพบการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าไม่เป็นธรรม รวมถึงให้ประชาชนแจ้งมาได้ที่ สายด่วน 1569