สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า งานศึกษาในนิตยสาร Nature ระบุว่า หลุมดำดังกล่าวกลืนกินกาแล็กซีของมันเพียง 430 ล้านปี หลังการกำเนิดของจักรวาลในช่วงเวลาที่เรียกว่า “รุ่งอรุณของจักรวาล”
นายยาน โชลซ์ นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และผู้เขียนร่วมของงานศึกษา กล่าวว่า กรณีข้างต้นทำให้หลุมดำนี้มีอายุมากกว่าหลุมดำขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่เคยพบ ถึง 200 ล้านปี อีกทั้งมันยังมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะจักรวาล 1.6 ล้านเท่าด้วย
“การที่มันมีเวลาในการขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว หลังเกิดบิ๊กแบงเมื่อ 13,800 ล้านปีก่อน จะให้ข้อมูลใหม่สำหรับ ‘แบบจำลองทางทฤษฎีรุ่นต่อไป’ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบายถึงสิ่งที่สร้างหลุมดำ” โชลซ์ กล่าวเพิ่มเติม
The James Webb space telescope has discovered the oldest black hole ever detected, which was thriving so soon after the Big Bang that it challenges our understanding of how these celestial behemoths form, astronomers say https://t.co/cklI1GLUrA
— AFP News Agency (@AFP) January 17, 2024
ทั้งนี้ หลุมดำดังกล่าวไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนกับหลุมดำอื่น ๆ แต่สามารถตรวจพบได้จากการระเบิดขนาดใหญ่ของแสงที่เกิดจากการดูดกลืนสิ่งที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งแสงนี้ทำให้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ “ฮับเบิล” มองเห็นกาแล็กซี “จีเอ็น-แซด11” (GN-z11) เมื่อปี 2559 ในทิศทางของกลุ่มดาวหมีใหญ่
อย่างไรก็ตาม กล้องเจมส์ เวบบ์ ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากล้องฮับเบิล ในปี 2565 เนื่องจากมันมีการค้นพบมากมายที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องตามให้ทัน ซึ่งนอกจากหลุมดำที่ใจกลางกาแล็กซีจีเอ็น-แซด11 กล้องเจมส์ เวบบ์ ยังพบกาแล็กซีจำนวนมาก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่คาดคิดไว้
ด้านนายสเตฟาน ชาร์ลอต นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ จากสถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งปารีส (ไอเอพี) ของฝรั่งเศส ชี้ว่า หลุมดำในเอกภพยุคแรก ๆ อาจก่อตัวในลักษณะที่แตกต่างจากหลุมดำที่อยู่ใกล้เคียง ขณะที่โชลซ์ ระบุเสริมว่า เขาหวังว่ากล้องเจมส์ เวบบ์ และกล้องโทรทรรศน์อื่น ๆ ในอนาคต เช่น กล้องยูคลิด ขององค์การอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) จะค้นพบหลุมดำเหล่านี้มากขึ้น ในช่วงแรกสุดของจักรวาล.
เครดิตภาพ : AFP