พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะหมดวาระในการบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในตำแหน่งนายกสมาคมฯ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งสภากรรมการชุดใหม่ วันที่ 8 ก.พ.67 เป็นการปิดฉากการทำงานลูกหนังไทย 8 ปี

ในช่วงโค้งสุดท้าย “กีฬาเดลินิวส์” สอบถาม “บิ๊กอ๊อด” ว่า มีเรื่องอะไรที่จะฝากไปยังผู้บริหารชุดใหม่ให้สานงานต่อหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยากจะฝากในเรื่องศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะลงเสาเข็มในเดือน ม.ค.นี้ ศูนย์ฝึกลูกหนัง นับเป็นพื้นฐานการพัฒนาบอลไทย ส่วนเรื่องอื่น ตนก็ทำหลายอย่างแทบจะครบวงจร ทั้งที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอล, การฝึกอบรมโค้ช, ผู้ตัดสิน, การทำวีเออาร์, ระบบสารสนเทศ

“อยากจะฝากจริงๆคือเรื่องของศูนย์ฝึก จะวางศิลาฤกษ์, ตอกเสาเข็ม อยากให้ผู้บริหารใหม่เล็งเห็นความสำคัญ ซึ่งฟีฟ่าก็สนับสนุนงบประมาณมา เพื่อสร้างศูนย์ฝึกเท่านั้น ไปทำอย่างอื่นไม่ได้ อยากให้ติดตามงานให้ทำให้เสร็จเร็วที่สุด ยิ่งเสร็จเร็ว ยิ่งพัฒนาเร็ว” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว พร้อมทั้งยังกล่าวถึงการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมฟีฟ่า คองเกรส ในเดือน พ.ค.ปีนี้ ที่กรุงเทพ ว่าอยากให้ดูแฃกันดีๆ เพราะถือเป็นงานใหญ่ระดับโลก ผู้บริหารสมาคมลูกหนังทั่วโลก จะมาไทย

สำหรับในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ นั้น มีประโยคหนึ่งที่แฟนบอล และคนทั่วไป นำมาพูดถึงกันมาก คือคำว่า “ใครไม่อาย ผมอาย” อันมาจากที่ บิ๊กอ๊อด เคยพูดไว้ หลังจากทีมชาติไทย แพ้ทีมชาติญี่ปุ่น 0-4 ที่ไซตามะ ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เมื่อเดือน มี.ค.2017 แม้จะผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังเป็นคำที่หลายคนเอามาพูดกัน

“กีฬาเดลินิวส์” สอบถาม พล.ต.อ.สมยศ ว่ามีความรู้สึกอย่างไร ที่ถึงวันนี้แฟนบอลยังพูดประโยคดังกล่าวในเชิงล้อ บิ๊กอ๊อด ตอบว่า ตนไม่ได้รู้สึกอะไร เฉยๆ ที่พูดไปตอนนั้นก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่ไม่ได้มีเจตนาด้อยค่า เป็นเจตนาดี เมื่อเกิดความพ่ายแพ้ ก็อยากจะพัฒนาทีมให้ดีขึ้น พูดเพราะมีความตั้งใจอยากเห็นทีมดีขึ้น อยากจะขยับตัวเองไปได้มากกว่านี้ เมื่อทีมไทยยังห่างชั้น ก็แพ้เป็นธรรมดา

ทั้งนี้ บทสัมภาษณ์ดังกล่าว ได้สอบถาม พล.ต.อ.สมยศ ก่อนที่ทีมไทยจะเตะอุ่นเครื่องบุกแพ้ ญี่ปุ่น 0-5 เมื่อวันปีใหม่.