เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุผิวจราจรทรุดตัวบนทางหลวงหมายเลข 3902 ช่วงพระประแดง-บางแค ที่ กม.15+500 เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 เวลาประมาณ 14.30 น. จึงได้มอบหมายให้นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม (ผชค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม และคณะทำงานกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (6 ม.ค. 67) และประสานงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการเร่งแก้ไขปัญหาทันที เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรให้กับประชาชน

ด้านนายกฤชนนท์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า สาเหตุที่ผิวจราจรทรุดตัวนั้น เกิดจากการดำเนินโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำของการประปานครหลวง (กปน.) ที่มีการประเมินผิดพลาด จากเดิมที่คาดการณ์ว่า เป็นประเภทดินเหนียว แต่ข้อเท็จจริงแล้ว มีดินทรายอยู่ด้วย จึงทำให้ชิ้นส่วนของผนังก่อสร้างอุโมงค์แตก 1 ชิ้นส่วน จากทั้งหมด 5 ชิ้นส่วน หลังจากนั้นจึงมีน้ำ และทรายไหลเข้ามายังอุโมงค์ขุดเจาะ ที่ขณะนี้ขุดมาแล้วระยะ 1.3 กิโลเมตร (กม.) บริเวณถนนกาญจนาฯ จึงก่อให้เกิดถนนทรุดตัวลงไปประมาณ 60 เซนติเมตร (ซม.)

นายกฤชนนท์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังคงปิดการจราจรในบริเวณถนนทรุดตัว และให้การสัญจรเบี่ยงไปใช้ทางหลวงหมายเลข 9 เพื่อที่จะดำเนินการซ่อมแซมผิวทางที่เสียหาย โดยทางผู้รับจ้างของ กปน. จะเป็นผู้ดำเนินการเบื้องต้น จะทำการปรับระดับผิวทางจราจรด้วย Asphalt Bound Base, บดอัดชั้นทาง, เสริมเหล็ก และเทคอนกรีต (Fast Setting Concrete) เพื่อคืนผิวจราจรให้ประชาชนได้ใช้งานชั่วคราว คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเวลา 17.00 น. ของวันนี้ (6 ม.ค.) อย่างไรก็ตามภายหลังจากนี้ จะทำการสำรวจงานทั้งโครงการอีกครั้ง เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผิวถนนให้กลับมาใช้ได้อย่างถาวรต่อไป 

นายกฤชนนท์ กล่าวอีกว่า ทล. ได้ให้วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบขั้นตอน วิธีการก่อสร้างของงานโครงการดังกล่าว ว่าเป็นไปตามแบบที่ กปน. ได้ขออนุญาตไว้หรือไม่ และให้ทางเจ้าหน้าที่ กปน. ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบตามหลักวิศวกรรมต่อไป ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคม ยังได้เตรียมส่งหนังสือสั่งการถึงแนวทางการป้องกัน และมาตรการต่างๆ ด้านความปลอดภัยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยทุกโครงการต้องมีการสำรวจสภาพดินอีกครั้ง ดังนั้นประชาชนจึงมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก 

อย่างไรก็ตามแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือมีการสูญเสียของทรัพย์สิน แต่หากผู้ใดได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อขอชดเชย และเยียวยากับทาง กปน. ได้ทันที ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กราบขออภัยเป็นอย่างสูงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และพร้อมที่จะดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางสัญจรได้อย่างสะดวก ปลอดภัยในทุกมิติ