เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่มีเอกสารบันทึกข้อความด่วนที่สุด ที่ กห.0461.17/3048 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาสัดส่วนนักเรียนนายสิบตำรวจจากทหารกองประจำการ หลังจากปลดจากกองประจำการแล้ว ว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีความขาดแคลนกำลังพลจำนวนมาก ที่ผ่านมา ตร. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการฝึกกำลังพลต่อคนค่อนข้างมาก 1 คน ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ในการฝึกจนสำเร็จหลักสูตร ในประเด็นดังกล่าว ตร. เคยมีโครงการนี้มาก่อนแล้ว ในส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ ตร. รับทหารเกณฑ์ปลดประจำการเข้าไปปฏิบัติการ แต่ทั้งนี้ การจะรับกำลังพลเข้ามาได้ กำลังพลเหล่านั้นต้องมีการสอบเข้าก่อนตามระบบเหมือนพลเรือน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ทหารเกณฑ์ที่ปลดประจำการ เมื่อสมัครและสอบเสร็จแล้ว ผ่านการคัดเลือกทาง ตร. จะฝึกอบรมเพียง 8 เดือนเท่านั้น ฉะนั้นในเวลา 8 เดือนที่ประหยัดไป ถือว่า ตร. สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งทาง ตร. ถือว่ากองทัพบกเองได้ช่วยคัดกรองคนมาแล้ว ผ่านการฝึกตามหลักสูตรของทหาร ต้องยอมรับว่าในช่วงการแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา ตร. ไม่ได้เปิดรับนักเรียนนายสิบเลย เพราะฉะนั้นกำลังพลจะหายไป เมื่อคำนวนอัตราส่วนตำรวจต่อประชากรถือว่าไม่สมดุลกัน บางพื้นที่มีตำรวจ 1 นายต่อประชากรถึง 8,000 คน

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยว่า เดิมทีเรื่องดังกล่าว ทางกองทัพบกได้จัดทำไว้แล้ว หลังจากที่ทหารปลดจากกองประจำการและมีความประสงค์ที่จะสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ทหารเรือ ทหารทหารอากาศ ทางเหล่าทัพ จึงมีโควตาให้ทางทหารที่ปลดจากกองประจำการ ได้เข้ามาสอบแข่งขันเป็นโควตาของแต่ละเหล่าทัพ

โดยกรณีที่จะสอบเข้านักเรียนนายสิบตำรวจนั้น ทางกองทัพบก ได้ไปพูดคุยประสานงานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเบื้องต้นอาจจะได้รับการอนุมัติโควตา จำนวน 1,000 อัตรา ซึ่งในแต่ละปีนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรับนักเรียนนายสิบจำนวน 5,000 อัตรา