กรณีพบศพนายชูเชียง เฉิน อายุ 48 ปี ชาวไต้หวัน ถูกคนร้ายฆาตกรรมใช้สก๊อตเทปใสปิดปากพันหลายรอบ มือ 2 ข้างถูกมัดไพล่หลังด้วยเชือกฟางและสก๊อตเทปใสคาดด้วยเข็มขัดมัดรอบตัว หน้าแข้งถูกรัดด้วยเข็มขัด ข้อเท้าถูกมัดด้วยสก๊อตเทปใสหลายรอบ นอนเสียชีวิตอยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอุดมสุข เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ล่าคู่รัก ‘หนุ่มอิหร่าน-สาวไทย’ ร่วมฆ่ามัด-ทุบหัว ‘หนุ่มไต้หวัน’ ชิงทรัพย์ทิ้งศพในโรงแรม

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ สน.บางนา พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา เชิญญาติผู้เสียชีวิต ชาวไต้หวันมาสอบปากคำพร้อมเป็นพยานเปิดตู้เซฟ 2 ตู้ ที่ได้จากห้องพักที่เกิดเหตุ โดยคาดว่ามีทรัพย์สินของผู้ตายอยู่ เนื่องจากมีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดติดอยู่บริเวณตู้เซฟ 1 ตู้ ซึ่งขั้นตอนการเปิดตู้เซฟ ได้เรียกช่างจากบริษัทของตู้เซฟมาดำเนินการเปิดต่อหน้าพยานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และญาติผู้เสียชีวิตด้วย จากการเปิดตู้เซฟตู้ที่ 1 พบธนบัตรคล้ายสกุลเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐปลอม (Black money) จำนวนมาก และอุปกรณ์พิมพ์ธนบัตรปลอม เช่น แผ่นอะลูมิเนียมแป้นพิมพ์ธนบัตร กระดาษสีเขียวและสีดำขนาดเท่าธนบัตร เตารีด และอุปกรณ์อื่นๆ อยู่ภายใน ส่วนตู้เซฟอีก 1 ตู้ ไม่พบสิ่งของภายใน

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณวชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.หญิง ศิริประภา รัตตัญญู นวท.(สบ4) กสก.พฐก. พร้อมชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลางเดินทางมาร่วมตรวจสอบเพื่อเก็บพยานหลักฐานในตู้เซฟเพิ่มเติมด้วย

ภายหลังการตรวจสอบตู้เซฟแล้วเสร็จ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้การตรวจสอบตู้เซฟทั้ง 2 ตู้ ที่พบหลักฐานซึ่งเป็น black money หรือธนบัตรคล้ายดอลลาร์สหรัฐ และอุปกรณ์ปลอมแปลงธนบัตร ที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับผู้ตาย ซึ่งจากเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นจะไม่ทิ้งประเด็นว่าเป็นความขัดแย้งกันภายในกลุ่ม และมีความคล้ายคดีในอดีตที่เกี่ยวข้องกับ black money ซึ่งต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่การสอบสวนญาติผู้ตาย เบื้องต้นไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะผู้ตายไม่เคยเล่าให้ฟัง ซึ่งหลักฐานทั้งหมดนี้ก็จะเก็บไว้เพื่อให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบขยายผลต่อไป ส่วนข้าวของบางส่วนที่เป็นของผู้ตายที่พบภายในห้องที่เกิดเหตุก็จะส่งคืนให้กับญาติผู้ตาย ซึ่งญาติก็ไม่ได้ติดใจกับทรัพย์สินอย่างอื่น ยกเว้นโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตของผู้ตายที่ยังหาไม่เจอ

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ เปิดเผยว่า ส่วนเรื่องคดีหลังจากนี้ต้องรอการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 2 คนให้ครบก่อน ซึ่งตัวของ น.ส.นภัสรดา เอกภัทรหิรัญ ที่เป็นสาวนกต่อ คาดว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ส่วนชายสัญชาติอิหร่านหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งญาติผู้ตายได้ฝากให้ตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้ นอกจากนี้เพื่อนของผู้ตายจะช่วยประสานญาติจากไต้หวันให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พรุ่งนี้ (21 พ.ย.) ญาติจะทำเรื่องขอรับศพไปทำการประกอบพิธีฌาปนกิจ ที่วัดบางนานอก ก่อนจะนำกระดูกกลับไปประเทศไต้หวัน ส่วนเรื่องคดีจะให้กงสุลไต้หวันดำเนินการติดตามให้ต่อไป