จากกรณีที่มีเหตุเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.6 ชื่อ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ตกจากตึกอาคารเรียนชั้น 5 ซึ่งเป็นหลังคาลงมาที่พื้น ภายในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้เร่งนำตัวส่ง รพ.ศรีสะเกษ เพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยในขณะนี้ยังอยู่ในอาการโคม่า ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 พ.ย. พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์ เจริญเกษสุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าในวันเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้มีการจัดแข่งกีฬาสีภายใน ซึ่งนายบี ได้ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน และขึ้นไปยังอาคารเรียนที่เกิดเหตุ  ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่ามีพยานพบเห็นหรือไม่ ต้องรอการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกที  ซึ่งจะได้เข้าไปสอบถามครูประจำชั้น รวมถึงเพื่อนๆของ นายบี ที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อหาข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาและหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์หาความจริง  ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า นายบี ขึ้นไปบนหลังคาแล้วตกลงมาได้อย่างไร เบื้องต้นทางชุดสืบสวนได้ไปตรวจสอบรอยเท้าบนหลังคาแล้ว พบว่ามีรอยเท้าเดินเหยียบย่ำอยู่บนหลังคา คาดว่าเป็นรอยเท้าเดินเพียง 1 คน

ด้านนายสุธีร์ พ่อของน้องบี อายุ 47 ปี  กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับราชการ ตำแหน่ง นักเทคนิคการแพทย์ มีภรรยาเป็นพยาบาล และมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นลูกชาย คือคนที่ประสบเหตุ และคนเล็กเป็นหญิง เรียนอยู่ชั้น ม.3 ในวันเกิดเหตุวันที่ 9 พ.ย. 66 เวลา 17.26 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากพยาบาลที่ รพ.ศรีสะเกษ โทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกชายของตน ประสบเหตุตกลงมาจากหลังคาอาคารเรียน 4 ชั้น ซึ่งตอนนั้นโรงเรียนยังไม่มีการโทรศัพท์มาแจ้งบอกกับตนแต่อย่างใดเลยว่า ลูกชายของตนประสบเหตุ ซึ่งตนสอบถามไปที่โรงเรียนว่าทำไมลูกตนประสบเหตุหนักขนาดนี้แล้ว ทางโรงเรียนไม่แจ้งกับผู้ปกครองเลย เบื้องต้นทางโรงเรียนให้คำตอบว่า ตอนนั้นไม่รู้ว่าเด็กนักเรียนที่ประสบเหตุเป็นใคร ชื่อ อะไร หาคนที่จะติดต่อไม่ได้ คณะครูไปค้นกระเป๋าน้องจึงรู้ชื่อ และหาเบอร์โทรติดต่อญาติได้ภายหลัง และล่าช้า

นายสุธีร์ กล่าวว่า พอตนเข้าไปโรงพยาบาลก็พบเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล กำลังช่วยกันปั๊มหัวใจน้องอยู่  อาการของน้องน่าเป็นห่วงเพราะอาการหนักมาก โดยทางโรงเรียนก็เข้ามาดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และในเวลาต่อมาจึงได้มาแจ้งกับทางตนว่า เด็กตกลงมาจากหลังคาของอาคารเรียน ซึ่งตอนแรกตนถามกลับไปว่า น้องตกลงมาจากจุดไหนของอาคารเรียน จากหลังคา หรือ ชั้น 3 หรือชั้น 4 ของอาคารเรียนกันแน่ มีใครเห็นเหตุการณ์หรือไม่  ซึ่งในตอนนั้นทางโรงเรียนก็ยังไม่ให้ความชัดแจนกับทางตนได้เลย

นายสุธีร์ กล่าวว่า จริงๆแล้วตั้งแต่เกิดเหตุ ตนยังไม่ได้เข้าไปที่จุดเกิดเหตุเลย เพิ่งจะได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุก็วันนี้เอง เพราะว่าเราต้องดูแลลูกเราอยู่ ตอนนี้ตนติดใจอยู่หลายอย่าง คือ ทางตนไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงเรียน กับ ทางตำรวจ ประมาณ 22.00 น. ตนต้องไปที่สถานีตำรวจเอง เพื่อไปถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางโรงเรียนได้มีการตรวจสอบหาสาเหตุอะไรต่างๆบ้างไหม เพราะลูกตนออกจากบ้านก็ไปโรงเรียน โดยจะไปรับไปส่งอยู่ทุกวัน  ซึ่งในช่วงเวลานั้น ตนคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาความรับผิดชอบของทางโรงเรียน

นายสุธีร์ กล่าวว่า วานนี้ ( 9 พ.ย.) ตอนประมาณ 22.00 น. ตนได้ไปสอบถามข้อมูลที่สถานีตำรวจ แต่ทางตำรวจกลับถามกับตนว่า ทางบ้านมีปัญหาอะไรไหม ทำไมน้องถึงก่อเหตุอย่างนี้ ส่วนตัวตนคิดว่า มันไม่ใช่คำถามที่จะต้องมาถามตนไหม เพราะในวันและเวลาเกิดเหตุ น้องอยู่ที่โรงเรียน ทำไมตำรวจไม่ไปถามโรงเรียน ว่าระหว่างนั้นมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ส่วนตัวตนอยากจะให้ทางโรงเรียน หรือ ผู้เกี่ยวข้อง ออกอธิบายถึงเหตุการณ์หน่อยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับลูกของตน  และอยากให้ทางโรงเรียนหาแนวทางในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง และในฐานะพ่อที่เลี้ยงดูลูกมา ตนมั่นใจว่าลูกตนไม่น่าจะขึ้นไปที่หลังคา เพื่อกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย ตามที่มีกระแสออกมาอย่างแน่นอน ในส่วนของความเชื่อ ถ้าลูกตนขึ้นไปบนหลังคาอาคารเรียนจริง ตนเชื่อว่าอาจจะมีบางสิ่ง บางอย่าง ที่ดลจิตดลใจให้ลูกตนขึ้นไปบนหลังคาอย่างแน่นนอน เพราะนิสัยส่วนตัวของลูกตนเป็นคนขี้กลัว ไม่น่าจะตัดสินใจแบบนั้น สภาพที่จะขึ้นไปหลังคา ลูกตนก็ไม่น่าจะขึ้นไปแน่นอน สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือคำอธิบายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้านของ ดร.จิตตนาถ สิงห์โต ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่คาดว่าจะใช้เป็นในการปีนขึ้นไปบนหลังหา ซึ่งเป็นบันไดที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคาร พบว่าขณะนี้ได้มีการนำกรงเหล็กมาเชื่อมปิดทาง และนำลวดหนามมาแขวนไว้ป้องกันไม่ให้เด็กปีนขึ้นไปเล่น

จากนั้น ดร.จิตตนาถ กล่าวว่า บันไดตรงนี้เอาไว้ใช้ประโยชน์ เพื่อให้ช่างขึ้นไปล้างแผงโซล่าเซล ซึ่ง 1 ปี จะล้างอยู่ 2 ครั้ง และครั้งนี้ช่างเพิ่งมาล้างเมื่อเดือนที่แล้ว  ประกอบกับในห้วงของวันที่ 8-10 พ.ย. 2566 นี้ ทางโรงเรียนเราก็ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาภายใน ซึ่งวันเกิดเหตุเมื่อวานนี้  ( 9 พ.ย.) เด็กของเราส่วนหนึ่งก็จะไปร่วมจัดกิจกรรม  ส่วนหนึ่งก็จะกลับบ้านเพราะว่า เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ต่อมาตนได้รับแจ้งจากทางคุณครูแจ้งว่าเด็กได้รับอุบัติเหตุ จึงได้รีบไปดู ก็เห็นน้องนอนอยู่กับพื้น และให้คุณครูโทรหารถพยาบาล ซึ่งรถพยาบาลก็มาอย่างรวดเร็ว เพราะโรงพยาบาลอยู่ใกล้กับโรงเรียน เราก็สามารถนำน้องไปส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนั้นพบว่าน้องยังหายใจอยู่ แต่การรู้สึกตัวอาจจะรู้สึกตัวได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ตนก็ไม่แน่ใจในจุดนั้น เพราะเป็นช่วงวิกฤติที่เราจะต้องดูแลอย่างเร่งด่วน และดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

 ดร.จิตตนาถ กล่าวว่า จนถึงเวลา 21.30 น. ซึ่งแพทย์เองดูแลรักษาอย่างเต็มที่ พร้อมกับได้ทราบอาการว่า ทางด้านสมองของน้องไม่ได้เป็นอะไร อาจจะมีเลือดออกเล็กน้อย ม้ามฉีก แต่หนักหน่อยตรงที่กระดูกเชิงกราน อาจจะเกิดจากการกระแทก แพทย์จึงได้ทำการผ่าตัด ขณะนี้น้องก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล โดยทางเราก็ได้ไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปกครองด้วย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จริงๆแล้วโรงเรียนเองก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องผู้บาดเจ็บ ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่โรงเรียนเราเองก็พยายามที่จะดำเนินการป้องกัน แก้ไขในสิ่งที่จะเกิดอันตรายกับเด็ก หรือความปลอดภัยในโรงเรียน  ยืนยันว่าทางโรงเรียนพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการดูแลเด็กนักเรียน และเวลาที่เกิดเหตุอยู่ในห้วงของการเลิกเรียน ครูส่วนหนึ่งก็เดินทางกลับบ้าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงส่วนนี้ ซึ่งกล้องวงจรปิดบางตัวก็เสีย บางตัวก็ใช้ได้

เบื้องต้นได้พูดคุยกับครูประจำชั้นและเพื่อนๆของน้องบ้างแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ก็ทราบว่าเด็กคนนี้เรียนดี  ปกติดี และเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด และที่สำคัญเขาก็จะมักชอบนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เล่นอินเตอร์เน็ตบ้างตามประสาเด็ก  แต่เด็กอยู่ในเกณฑ์เรียนดี อยู่ในห้องเรียนเก่ง แต่เราก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะเกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่มีการโดนเพื่อนแกล้งหรือโดนบลูลี่อย่างแน่นอน  ส่วนประเด็นที่ทางพ่อของน้องติดใจประเด็นที่ทางโรงเรียนไม่ได้ติดต่อไปหาทางครอบครัวหลังเกิดเหตุนั้น เรื่องมันมีอยู่ว่า ในห้วงของเวลา 17.00 น. เราพยายามที่จะหาข้อมูลเด็ก เพราะเด็กใส่เสื้อกีฬาสี เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร เพราะไม่มีชื่อปักในเสื้อกีฬาสี แต่มาได้ข้อมูลจากกระเป๋านักเรียนของเด็ก และได้ไปสืบค้นจากกระเป๋าเด็ก แล้วไปค้นที่โรงพยาบาล ก็ได้ทราบว่าเด็กชื่อนี้ นามสกุลนี้ เราก็ได้ข้อมูลทันที ตนคิดว่าในรูปแบบของการติดต่อผู้ปกครอง ตนคิดว่ารวดเร็วแล้ว.