สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่าสืบเนื่องจากการที่กองทัพสหรัฐปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ด้วยโดรนติดอาวุธ ต่อเป้าหมายซึ่งเป็นรถยนต์คันหนึ่ง ในกรุงคาบูล เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นมีการยืนยันว่า "เป้าหมายถูกทำลาย" และผู้เสียชีวิตคือ "ทีมมือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มไอเอส-โคราซาน" นั้น
The New York Times
พล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของสหรัฐ แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าในช่วงที่มีการปฏิบัติการ หน่วยงานที่รับผิดชอบมีความเชื่อมั่นต่อ "ความชอบธรรมและความแม่นยำ" ของภารกิจในวันนั้น อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจสอบอย่างละเอียดปรากฏว่า "เป็นความผิดพลาดซึ่งกลายเป็นโศกนาฏกรรม" โดยมีผู้เสียชีวิต 10 ราย รวมเด็กด้วย 7 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตคนใดมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส-โคราซาน หมายความว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่อยู่ในสถานะ "เป็นภัยคุกคามร้ายแรง" ต่อสหรัฐ
C-SPAN
ต่อมา พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ "นายซีมีไร อาห์มาดี" เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานบรรเทาทุกข์ท้องถิ่น ให้ความช่วยเหลือด้านโภชนาการและการศึกษาแก่ชาวอัฟกัน รัฐบาลวอชิงตันมีความเสียใจอย่างสูงสุดต่อการจากไปของนายอาห์มาดี และพร้อมถอดบทเรียนจากความผิดพลาดครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักษณะนี้ในอัฟกานิสถานไม่ใช่ครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2558 เครื่องบินติดอาวุธแบบเอซี-130 ของกองทัพสหรัฐ ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน ( เอ็มเอสเอฟ ) ในเมืองคุนดุซ ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิต 30 ราย เป็นผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หลังเกิดเหตุ เอ็มเอสเอฟประณามรัฐบาลวอชิงตันละเมิดกฎหมายสงคราม เนื่องจากสถานพยาบาลเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านสหรัฐขอโทษ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในการสร้างโรงพยาบาลใหม่.

เครดิตภาพ : AP