เมื่อวันที่ 26 ต.ค.สืบเนื่องจากกรณีที่มูลนิธิพิทักษ์สตรี (ALLiance  Anti  Trafic (AAT)) ได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายอาสาสมัคร พบหญิงไทยจำนวน 3 รายร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกนายหน้าที่เป็นหญิงไทยด้วยกันหลอกลวงชักชวนไปทำงานที่ประเทศลาว เมื่อไปถึงละแวกคาสิโนคิงส์โรมัน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว กลับถูกนำไปแสวงหาประโยชน์ในลักษณะบังคับใช้แรงงาน ให้ทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โรมานซ์สแกรมชักชวนเหยื่อให้ลงทุน อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 โดยก่อนหน้านี้กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทั่งสามารถช่วยเหลือหญิงชาวไทยทั้ง 3 รายกลับมาได้โดยปลอดภัย และได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และขยายผลจนสามารถขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย และชาวจีนจำนวน 2 ราย เป็นคดีพิเศษที่ 225/2565 นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 26 ต.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า จากการสืบของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวดีเอสไอ นำโดยนายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 1 จนพบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทำให้ช่วงเช้าของวันนี้ พ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธ์ รอง ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ พ.ต.ท.ปริญญา กฤษณา ผอ.ส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ตม.เชียงแสน ตม.ภาค 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ตำรวจท่องเที่ยว กก.2 บก.ทท.2 สืบสวน สภ.เชียงแสน ได้ร่วมกันทำการจับกุม นางบัวทอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3411/2566 ที่บริเวณหน้าบ้านพักใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และ นายวสันต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3412/2566 ที่บริเวณหน้าบ้านพัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยทั้ง 2 ราย ต้องหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำ.