เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ห้องประชุมพนมไพรค่ายรามคำแหง ตชด.43 อ.เมือง จ.สงขลา พล.ต.ต.สมกูล กาญจนอุดมการณ์ ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.ต.อ.ปรีชา วังปรีชา รอง ผบก.ตชด.ภาค 4 พ.ต.อ.ยงศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผกก.ตชด.43 สนธิกำลัง กองทัพเรือภาค 2 ตำรวจน้ำสงขลา ฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานป้องกันและปาบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายจำนาญ ไชยฤทธิ์ อายุ 43 ปี พร้อมของกลางเฮโรอีนอัดแท่งจำนวน 38 แท่ง น้ำหนัก 14 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รวมทั้งยึดรถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีการขยายผลตรวจยึด และอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหารายนี้อีก 3 รายการ คือ รถเก๋ง ซูซูกิ สวิฟ 1 คัน , รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมก 1 คัน และสมุดบัญชีเงินฝากอีก 3 เล่ม

สำหรับการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพรายสำคัญคนนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า นายจำนาญ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (เฮโรอีน) และจะทำหน้าที่รับจ้างขนยาเสพติดจากภาคกลางลงมาให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทั่งคาดว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางล็อตใหญ่ โดยจะใช้รถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 5กศ 4821 กรุงเทพมหานคร เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด

ต่อมาชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามรถเป้าหมาย กระทั่งในช่วงเที่ยงของวันดังกล่าวได้มีรถเก๋งต้องสงสัยคั้นนี้ขับผ่านมาที่จุดตรวจป้อมจุดตรวจทางหลวง ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับจังหวัดตอนบน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว และขอตรวจค้นภายในรถ โดยมีผู้ต้องหาคือ นายจำนาญ เป็นคนขับมาเพียงลำพัง โดยพบของกลางเป็นเฮโรอีนทั้งหมดจำนวน 38 แท่ง น้ำหนัก 14 กิโลกรัม ที่แอบซุกซ่อนเอาไว้ในช่องลับบริเวณหลังเบาะนั่งด้านหลังคนขับ จึงตรวจยึดเอาไว้และควบคุมตัวมาสอบสวน

ด้านนายจำนาญ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเองได้รับคำสั่งจาก นายหม่อง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ให้เดินทางไปลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยตนเองได้ทำมาแล้วก่อนนี้จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะได้รับเงินค่าจ้างแท่งละ 10,000 บาท และครั้งนี้ตนเองจะได้รับค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติดเป็นเงินจำนวน 380,000 บาท แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน จึงยังไม่ได้รับค่าจ้างในครั้งนี้

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเผยว่า หากเฮโรอีนที่ถูกจับได้ในครั้งนี้ ถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะมีมูลค่าถึง 20 ล้านบาท.