เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ บก.สอท.5 พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 ร่วมสอบปากคำ น.ส.ศิริพร อายุ 20 ปี บัญชีม้าแถวที่ 2 ขบวนการหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนให้นักเรียนหญิง ม.6 อายุ 19 ปี และผู้เสียหายรายอื่น ๆ หลังจับกุมได้เมื่อวานนี้ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ผบ.ตร.สั่งโอนคดี เด็ก ม.6 ผูกคอถูกหลอกซื้อไอโฟนทิพย์ ให้ บช.สอท. ลั่นหมายจับออกบ่ายนี้!

โดยทันทีที่ น.ส.ศิริพร มาถึง พูดสั้นๆ ว่าเธอประสานขอเข้ามอบตัวเอง หลังถูกออกหมายจับในคดีร่วมกันฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ถูกออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค. และเมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับกรณีการหลอกลวงเยาวชนอายุ 19 ปี ที่ฆ่าตัวตายหรือไม่ น.ส.ศิริพร ก็ได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง สำหรับคดีนี้ ตำรวจ สอท. มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว รวม 6 คน เป็นการออกหมายจับ 5 คน และอยู่ระหว่างออกหมายจับชาวเมียนมา 2 คน ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการ และจะประสานออกหมายแดง ติดตามตัวมาดำเนินคดี

พล.ต.ต.ชรินทร์ เปิดเผยจากการสอบปากคำ น.ส.ศิริพร ผู้ต้องหาบัญชีม้า แถว 2 บอกว่า ทำหน้าที่รับเงินจาก น.ส.ดอกแก้ว แล้วโอนให้กับบอสที่อยู่ประเทศเมียนมา เบื้องต้นให้การยอมรับว่า ได้รับการจ้างวานเปิดบัญชีม้า ราคา 3,000 บาท และจากการตรวจสอบบัญชีของ น.ส.ศิริพร พบเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินออก ซึ่งให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไล่ตรวจสอบว่า มีบัญชีอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นที่ตรวจสอบ พบมีการเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 6 ต.ค. และมีเงินเข้าออกไปกว่า 150,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา

ส่วนการออกหมายจับเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับชาวเมียนมา 2 คน ที่อยู่ในระดับบอส เพราะมีความเป็นอยู่หรูและมีฐานะ และเมื่อออกหมายจับเสร็จ ก็จะประสานออกหมายแดงเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดน

สำหรับคดีนี้ ทาง พล.ต.ต.ชรินทร์ บอกว่า ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้ว 6 คน จับตามหมาย 5 คน แบ่งออกเป็น บัญชีม้า 3 คน คนกดเงิน 1 คน คนหาบัญชี 1 คน ส่วน อีก 1 คน คือ น.ส.ดอกแก้ว ไม่ได้ออกหมายจับ แต่เป็นการจับกุมและแจ้งข้อหา ส่วนผู้เสียหายตอนนี้ยังไม่มีใครเข้าแจ้งความเพิ่มเติม และผู้เสียหายเพิ่มที่ไปแจ้งความไว้ในพื้นที่นครบาลนั้น ก็เป็นความรับผิดชอบของนครบาลในการดำเนินการ ส่วนจะรวมสำนวนหรือไม่นั้น ต้องดูว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีของ สอท. หรือไม่ ส่วนการคืนเงินผู้เสียหาย จากการตรวจสอบบัญชีพบว่า มีการโอนเงินออกจากบัญชีไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งต้องไปตรวจสอบว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ จะติดตามไปอายัดเพื่อนำทรัพย์สิยมาเฉลี่ยคืนผู้เสียหายต่อไป