สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลโปรยใบปลิวในเขตทางเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีเนื้อหาเตือนให้ประชาชนในพื้นที่อพยพจากทางเหนือลงใต้ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
แม้กองทัพอิสราเอลยอมรับว่า การอพยพของประชาชนอาจต้องใช้เวลานาน แต่ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน ว่า 24 ชั่วโมงที่กำหนดนั้น เรียกว่า “เส้นตาย” หรือไม่

ใบปลิวจำนวนมากที่เครื่องบินรบของอิสราเอลปล่อยเหนือฉนวนกาซา มีเนื้อหาว่า ให้ประชาชนในพื้นที่อพยพจากเหนือลงใต้ “ทันที”

ขณะที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องอิสราเอลยกเลิกมาตรการดังกล่าว โดยย้ำว่า “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะอพยพประชาชนในเขตทางเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งมีมากกว่า 1.1 ล้านคน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้อยู่อาศัยทั้งหมดในฉนวนกาซา


ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวระหว่างการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ที่กรุงอัมมาน เรียกร้องอียิปต์เปิด “ระเบียงมนุษยธรรม”

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไคโรซึ่งมีพรมแดนบางส่วนทางเหนือติดกับฉนวนกาซา และควบคุมจุดผ่านแดนราฟาห์ เข้าและออกฉนวนกาซา ยังคงยืนยันไม่เปิดเส้นทางใด เนื่องจากมีความกังวลเรื่องคลื่นผู้อพยพ


ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลเน้นย้ำ “จะปฏิบัติการครั้งสำคัญ” ต่อกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นฝ่ายประกาศสงครามกับอิสราเอล โดยสมาชิกกลุ่มฮามาสซ่อนตัวอยู่ตามอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งอยู่ด้านล่างของอาคารและบ้านเรือนในฉนวนกาซา สะท้อนเจตนาว่าใช้ผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์ โดยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพลเรือน ซึ่งเมื่ออพยพออกไปแล้ว จะกลับเข้าไปได้อีกครั้ง “เมื่อได้รับอนุญาตเท่านั้น”.

เครดิตภาพ : AFP