เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล และนายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอล

โดยนางกาญจนา กล่าวว่า นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ ได้เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้ และมี น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ที่ประชุมรับทราบ โดยจำนวนคนไทยที่ลงทะเบียนแสดงความประสงค์จะขอกลับไทยนั้น ล่าสุดเพิ่มเป็น 5,174 คน และคนที่ยังไม่ขอกลับประเทศเพิ่มเป็น 64 คน สำหรับการอพยพคนไทยจากอิสราเอลนั้น กรณีกลุ่มแรกจำนวน 15 คน ที่จะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 12 ต.ค. นั้น มีทั้งผู้ที่ใช้หนังสือเดินทาง และเอกสารสำคัญประจำตัว (ซีไอ) ที่ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ออกให้ และในจำนวน 15 คนนี้ มี 2 คน ที่ประสงค์ขอรถเข็น นอกจากนี้ จะมีคนไทยกลุ่มที่ 2 เดินทางโดยเครื่องบินแอร์บัสของกองทัพอากาศ ออกจากอิสราเอลในวันที่ 15 ต.ค. นี้ และจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 16 ต.ค. นี้ เวลา 04.00 น. ซึ่งเครื่องบินลำนี้สามารถรองรับได้สูงสุด 140 คน แต่อาจมีคนไทยโดยสารกลับได้ 120 คน เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องร่วมปฏิบัติการเป็นพิเศษด้วย

นางกาญจนา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เที่ยวบินถัดไปจะนำคนไทย 80 คน เดินทางจากอิสราเอล ด้วยสายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 ในวันที่ 18 ต.ค. และกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 19 ต.ค. เวลา 11.00 น. อีกทั้งเรายังได้เตรียมการที่จะนำเครื่องบินของกองทัพอากาศพาคนไทยเดินทางออกจากอิสราเอลในวันที่ 24 ต.ค. ด้วย แต่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ กำลังหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการพยายามนำคนไทยเดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์ออกมาให้ได้มากที่สุด ส่วนศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังมีการประชุมตามปกติในวันที่ 12 ต.ค. นี้ และจะมีการแถลงข่าวใน 15.00 น. ของวันเดียวกัน สำหรับคนไทยที่อพยพข้ามแดนจากอิสราเอลไปยังประเทศใกล้เคียงนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยที่ในประเทศจอร์แดนและอียิปต์ พร้อมให้ความช่วยเหลือเรื่องอาหารและน้ำดื่มแก่คนไทยทุกคน

ด้านนายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า กรณีของคนไทย 15 คน ที่จะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 12 ต.ค. นี้ ผู้แทนรัฐบาลและจากหน่วยงานต่างๆ จะรอรับและอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยพยายามทำให้ขั้นตอนต่างๆ มีความรวดเร็วที่สุด ไม่มีพิธีรีตอง โดยจะมีการจัดพื้นที่สำหรับการให้สัมภาษณ์และแถลงข่าวกับสื่อมวลชน พร้อมเปิดโอกาสให้พูดคุยกับคนไทยในเวลาไม่นานมาก จากนั้นจะนำคนไทยกลุ่มนี้ขึ้นโดยรถบัสที่กระทรวงคมนาคมจัดเตรียมไว้ เดินทางไปยังสถาบันบำราศนราดูร เพื่อที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะตรวจเช็กสุขภาพ ขณะที่กระทรวงแรงงานจะดำเนินการเรื่องเงินชดเชยแก่แรงงาน ทั้งนี้ ญาติของแรงงานไทยสามารถไปรอรับได้ และเมื่อเสร็จขั้นตอนต่างๆ แล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะช่วยนำคนไทยเหล่านี้เดินทางกลับภูมิลำเนา

รองอธิบดีกรมการกงสุล กล่าวอีกว่า ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงฯกลุ่มแรก รวม 4 คน จะเดินทางไปยังอิสราเอลในค่ำวันเสาร์ 14 ต.ค. นี้ เพื่อช่วยภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ในการอพยพคนไทยกลับประเทศต่อไป

ขณะที่นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานดำเนินการในส่วนของกองทุนจัดหางานไปทำงานต่างประเทศ โดยได้ตรวจสอบกรณีของคนไทย 15 คนนี้แล้ว ทั้งหมดเป็นสมาชิกกองทุนฯ จึงจะได้รับสิทธิจากกองทุน โดยแรงงานไทยกลุ่มนี้มีภูมิลำเนาต่างกัน มาจาก จ.ตาก 1 คน สุรินทร์ 1 คน หนองบัวลำภู 4 คน น่าน 1 คน พะเยา 1 คน นครราชสีมา 1 คน เชียงราย 1 คน ยโสธร 1 คน หนองคาย 1 คน อุดรธานี 1 คน สกลนคร 1 คน และอุบลราชธานี 1 คน  สำหรับการมอบเงินสงเคราะห์นั้น ขั้นแรกเมื่อเดินทางกลับมาแล้วทางกองทุนฯ จะจ่าย 15,000 บาท โดยจะเตรียมเงินทั้งหมดไปจ่ายให้แรงงานที่สถาบันบำราศนราดูร ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการ กระทรวงแรงงานจะรับคำร้องไว้ และนำไปพิจารณาต่อไปว่าจะจ่ายเงินให้อีก 15,000 บาท หรือไม่ ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบ ตอนนี้มีญาติประสงค์จะเดินทางมารอรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยกระทรวงแรงงานจัดรถไว้ให้ และจะถือโอกาสนี้ พาแรงงานและญาติไปเดินทางกลับมาที่ภูมิลำเนาต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่มีแรงงานไทยที่อพยพมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว ร้องเรียนว่ายังไม่ได้รับค่าจ้าง นายสมาสภ์ กล่าวว่า จะให้ทูตแรงงานในอิสราเอลเป็นผู้ดำเนินการ แต่ขอยืนยันว่ากระทรวงแรงงานจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ ขอให้แรงงานไทยสบายใจว่า หากไปทำงานแล้วต้องได้ค่าจ้างอย่างแน่นอน โดยตนเองยืนยันว่าจะช่วยคนไทยทุกคน ทั้งแรงงานที่เข้าไปโดยถูกกฎหมาย และแรงงานบางส่วนที่ผิดกฎหมายด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินของสายการบินอิสราเอล เที่ยวบิน LY083 ในวันที่ 11 ต.ค. นี้ 1.นายสมมา แซ่จ๊ะ 2.นายจิรายุ สุกใส 3.นายวิมาน วงศ์จำปา 4.นายกรัชกร พุทธสอน 5.นายอนุชา บุญญะสาร 6.นายกิตติพงษ์ ไชยโก 7.นายสมบูรณ์ แซ่ว่าง 8.นายจันทร์ดี แซ่ลี 9.นายสุพิพัฒน์ กงแก้ว 10.นายสมพร คาระบุตร 11.นายธนศักดิ์ จันทร์ดำ 12. นายสถิตย์ พรมอนารถ 13. นายไกรสร บัวฝาย 14.นายณรงค์ชัย ลีละครจันทร์ และ 15.นายวิชัย คำศรี