สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ออกมายืนยัน หลังการประชุมที่สำนักงานใหญ่ ในเมืองนียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่วันอังคารที่ผ่านมาว่า สหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ รวมถึงสาธารณรัฐไอร์แลนด์ จะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2028” ขณะที่ ตุรกี กับ อิตาลี จะจับมือกันเป็นเจ้าภาพยูโร 2032 โดยหลังจากนี้ เหลือแค่การอนุมัติอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ตัดสินใจล้มแผนเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030 เพื่อมุ่งเป้ามาที่การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพยูโร 2028 อย่างเต็มที่ ก่อนที่เส้นทางของพวกเขาจะสดใส เมื่อ ตุรกี ซึ่งก่อนหน้านี้ยื่นเสนอตัวเป็นคู่แข่งด้วยนั้น ตัดสินใจถอนตัวเพื่อไปจับมือกับ อิตาลี เป็นเจ้าภาพยูโร 2032 แทน ก่อนที่ทั้งหมดจะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพทัวร์นาเมนต์ชิงเจ้ายุโรปตามลำดับโดยไม่มีคู่แข่ง
สำหรับสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์นั้น จะใช้ 10 สังเวียนแข้งในการจัดการแข่งขัน โดยแบ่งเป็นในอังกฤษ 6 สนาม ประกอบด้วย เวมบลีย์ ซึ่งคาดว่าจะได้จัดเกมนัดชิงชนะเลิศ, ทอตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม, เอติฮัด สเตเดี้ยม, เซนต์ เจมส์ ปาร์ก, วิลลา ปาร์ก และสนามเหย้าแห่งใหม่ของ เอฟเวอร์ตัน ในเมืองลิเวอร์พูล ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในเวลานี้
นอกจากนี้ยังมีสนามปรินซิปัลลิตี สเตเดี้ยม ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้ในเกมเปิดสนาม, แฮมป์เดน ปาร์ก ในกลาวโกว์, อาวีวา สเตเดี้ยม ในกรุงดับลิน รวมถึง เคสเมนต์ ปาร์ก ในเบลฟาสต์ ที่กำลังจะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากนี้
ส่วนเรื่องการผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติของชาติเจ้าภาพนั้น โดยปกติแล้วตามกฎของ ยูฟ่า จะให้โควตาชาติเจ้าภาพเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติได้ไม่เกิน 2 ชาติ แต่จากการมีเจ้าภาพร่วมกับ 5 ชาติ ทำให้เป็นที่คาดกันว่า องค์กรลูกหนังยุโรป น่าจะใช้วิธีให้ทั้ง 5 ชาติ ลงเล่นรอบคัดเลือกตามปกติ และทีมไหนที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือก ค่อยมาใช้โควตาเจ้าภาพ 2 ที่ดังกล่าว ในการลงเล่นรอบสุดท้าย แต่ยังต้องรอการยืนยันอีกครั้ง