จากกรณีที่มีแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ถูกกลุ่มฮามาสบุกโจมตี ทางรัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากมีแรงงานไทยหลายคนถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับบาดเจ็บ  เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่าที่ ร.ท.อนุเทพศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เดินทางไปที่บ้านใน ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัว แรงงานไทย อายุ 31 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แก้มเพื่อสอบถามข้อมูลพร้อมแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ และชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับตามกฎหมาย ให้แก่ญาติทราบโดยแรงงานไทยคนนี้เดินทางไปทำงานถูกต้องตามระเบียบจัดหางาน

นางมนเทียร  อายุ 49 ปี แม่ของแรงงานคนดังกล่าว หลังทราบเรื่องได้ร่ำไห้ และจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้คุ้มครองลูกชายและคนงานในอิสราเอล ก่อนเล่าว่าตนมีลูก 2 คน ผู้บาดเจ็บไปทำงานประเทศอิสราเอลได้ 5 ปีกว่าแล้ว ส่งเงินมาให้ตลอด มีความเป็นอยู่ที่ดีงานหนักก็อดทนเอา เพราะได้ไปแล้ว ซึ่งจะติดต่อกันตลอดและช่วงก่อนหน้านี้ ที่เคยมีเรื่องการรบกัน คน จ.หนองบัวลำภูเสียชีวิต ตนก็ได้บอกลูกชายว่าให้กลับมาบ้าน เราอย่าไปอยู่เลย ไม่ตายก็หาได้ใหม่ ลูกชายก็บอกว่าไม่เป็นไร “ผมจะอดทนเอา” เพราะใกล้จะได้กลับแล้ว ตนก็บอกให้ลูกชายกลับตลอดแต่เขาก็ไม่อยากกลับ บ้านหลังนี้ลูกชายก็ส่งเงินมาสร้างให้

นางมณเทียร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ( 7 ต.ค.)มีเพื่อนร่วมงานของลูกชายโทรมาแจ้งข่าว ตนได้รับสาย แล้วเพื่อนร่วมงานลูกชายได้บอกตนว่าให้ทำใจดีๆ ตนจึงถามไปว่าเป็นไงบ้าง เพื่อนร่วมงานบอกว่าลูกชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และได้ทำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ตนก็ได้สอบถามว่า ถูกยิงที่ไหนซึ่งลูกชายถูกยิงบริเวณใบหน้า ตนทราบเรื่องตกใจมาก จึงให้ลูกสาวมาคุยแทนล่าสุดยังไม่สามารถติดต่อได้ เขาไม่ให้ติดต่อไปเพราะ กลัวจับสัญญาณได้ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรกลับไปเอง

ในช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นเวลาพักเที่ยง ลูกชายจะมากินข้าวที่แคมป์ ลูกชายเป็นคนขับรถ ซึ่งเขาจะเป็นคนสังเกตถ้ามีการยิงกัน จะเป็นคนกดสัญญาณ แต่ช่วงลูกชายแหงนหน้ามองฟ้าก็ถูกยิง ซึ่งมีทั้งคนไทย และคนอิสราเอลรวม 5 คน ลูกชายจะทำเรื่องกลับมาพัก แต่นายจ้างให้ต่อสัญญาอีก 1 ปี ซึ่งตามกำหนดจะเป็นวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา แล้วเพื่อนๆ ก็ทักว่าถ้าเรากลับ กลัวเขายึดเงินประกัน จึงได้อยู่ต่อยาว แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อน

ด้าน น.ส.กัญญารัตน์ อายุ 23 ปี น้องสาว เล่าว่า เมื่อวาน ( 7 ต.ค.) ก่อนหลังเกิดเหตุ 10 นาที พี่ชายได้โพสต์ภาพ และเขียนข้อความระบุว่า“สถานการณ์นี้เกือบได้เอากระดูกกลับบ้าน” ในจุดที่พี่ชายทำงานเมื่อเห็นภาพ และข้อความของพี่ชายที่โพสต์รู้สึกตกใจ เพราะพี่ชายไม่เคยเขียนข้อความแบบนี้ แม่จึงโทรไปหาพี่ชาย แต่เป็นเพื่อนร่วมงานรับสาย บอกให้แม่ทำใจดีๆ แล้วบอกว่าพี่ชายถูกยิง อาการล่าสุดนั้นเพื่อนร่วมงานพี่ชายบอกว่าต้องรอล่าม จากทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งเพราะเมื่อคืนอาการพี่ชาย 50 – 50

ด้านเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าผ่าน วีดีคอลว่า ขณะนั้นนายจ้างได้พากลับไปเอาพาสปอร์ตและกินข้าว ต้องผ่านถนนใหญ่  แล้วพวกตนขับรถเลียบทางรถไฟไป มาพบหน่วยคอมมานโด เขานึกว่าเราเป็นผู้ก่อการร้าย จึงยิงถล่มใส่รถพวกตน 2 ครั้ง มีเพื่อนร่วมงานถูกยิงเข้าที่ขา ตนจึงร้องให้ทุกคนหมอบลง หลังจากนั้นเมื่อรถกำลังวิ่งเข้าทุ่งนา ก็ถูกยิงถล่มอีกครั้ง เหมือนในหนังมีเฮลิคอปเตอร์ด้านบน และคอมมานโดไล่ยิง จนต้องขับรถซิกแซ็กหลบไปมา แล้วผู้บาดเจ็บก็ถูกยิง จึงเข้าไปช่วยและเจ้าหน้าที่พาส่งโรงพยาบาล.