วานนี้ (3 ต.ค. 2566) เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. มกุฎราชกุมารตวนกู อิสมาอิล อิบนิ สุลต่าน อิบราฮิม แห่งรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซียทรงโพสต์ ‘สตอรี่’ บนบัญชีอินสตาแกรมส่วนพระองค์ รวมทั้งพื้นที่โซเชียลมีเดียอื่น ๆ อย่างเฟซบุ๊กและเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) โดยทรงเล่าว่าพระองค์และพระชายาเชปวน เบซาร์ คาลีดา และโอรสธิดาทั้งสี่ของพระองค์ กำลังประทับอยู่ในห้องล็อบบี้ของโรงแรมซึ่งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ขณะที่เกิดเหตุการณ์ ด.ช. วัย 14 ปี ใช้อาวุธปืนกราดยิงภายในห้างฯ เมื่อวานนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอย่างน้อย 6 ราย

เจ้าชายแห่งยะโฮร์ ทรงเล่าว่า พระองค์ทรงได้ยินเสียงคนจำนวนมากร้องตะโกนและวิ่งหนี หลังจากที่มือปืนเริ่มเปิดฉากยิง

“มันเสียงดังมากและมีคนกรีดร้องกันหลายคน พวกเรายังคงนั่งอยู่ในห้องล็อบบี้ของโรงแรมในตอนนั้น พวกเรารีบพาลูก ๆ และครอบครัวไปยังที่ปลอดภัย วิ่งลงไปยังชั้นใต้ดินพร้อมกับทีมงานของเรา ตอนนั้นในสมองของเรา คิดอยู่เพียงอย่างเดียวว่ามีมือปืนกี่คนกันแน่ พวกเขามีอาวุธอะไรบ้างและสถานการณ์เป็นอย่างไร” ตวนกู อิสมาอิล ทรงเขียนไว้ในโพสต์ โดยไม่ได้ระบุชื่อของโรงแรมที่ประทับอยู่ ณ เวลานั้น

เจ้าชายแห่งมาเลเซียตรัสว่า เวลานั้น พระองค์และทีมงานได้เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงปืน พระองค์เองและทีมรักษาความปลอดภัยส่วนพระองค์ยืนขวางหน้าครอบครัวของพระองค์ไว้ เพื่อเป็นโล่มนุษย์และปกป้องพวกเขาในกรณีที่เกิดเหตุเลวร้าย

“ตอนนั้นคิดว่าจะต้องพาครอบครัวและทีมเจ้าหน้าที่ของเราออกมาจากตรงนั้นก่อน ชายาของเรากอดลูก ๆ เอาไว้ ก้มตัวหมอบต่ำและพยายามปลอบให้เด็ก ๆ หายกลัว เพราะลูก ๆ ของเรากลัวกันมาก และร้องไห้กันไม่หยุด ตัวเราตะโกนจนสุดเสียงให้ทีมองครักษ์ไปเอารถออกมารอที่ชั้นใต้ดิน และพาพวกเราไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยที่อยู่ห่างจากจุดนั้น”

“เราบอกให้พวกเขาพาพวกเราไปยังสถานทูตมาเลเซีย แต่คนขับรถบอกว่าสถานทูตสิงคโปร์อยู่ใกล้กว่า เราเลยติดต่อไปยังกงสุลสิงคโปร์ในยะโฮร์ และตอนนี้พวกเราก็อยู่ในสถานทูตและปลอดภัยดี” ตวนกู อิสมาอิล ทรงเล่าในโพสต์

หลังจากนั้น เจ้าชายยะโฮร์ก็ทรงโทรศัพท์ไปหานายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย และรมต. โมฮัมหมัด ฮะซัน แห่งกระทรวงกลาโหม เพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งแจ้งว่าครอบครัวของพระองค์ต้องการขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับรัฐยะโฮร์ หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว

“นี่คือประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เราเคยเจอมา กับการปกป้องชีวิตลูก ๆ ของเราจากฆาตกร” ตวนกู อิสมาอิล ทรงเขียนไว้ “ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเราปลอดภัย ขอบคุณทีมรักษาความปลอดภัยของเราและเพื่อน ๆ ของเราจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เราจะรำลึกถึงความช่วยเหลือของพวกคุณทุกคนตลอดไป”

ด้านพระชายาเชปวน เบซาร์ คาลีดา ก็ทรงโพสต์ ‘สตอรี่’ บนอินสตาแกรมส่วนพระองค์ เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันนี้ (4 ต.ค. 2566) เพื่อขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ โดยทรงเขียนไว้ว่า 

“ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกคนในครอบครัวของเรา และทีมผู้ติดตามของเราปลอดภัยดี ขอบคุณทุกท่านที่สวดภาวนา ส่งความปรารถนาดีและแสดงความห่วงใยมาให้เรา”

ที่มา : channelnewsasia.com

เครดิตภาพ : Facebook/hrhcrownprinceofjohor