เมื่อวันที่ 4 ต.ค. จากกรณีมีเด็กชายอายุ 14 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงประชาชนที่เดินทางมาภายในห้างสรรพสินค้าพารากอน กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อเดือน ก.พ. ปี 2563 เกิดเหตุทหารคลั่งกราดยิงที่ ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา มีผู้เสียชีวิต 31 คน บาดเจ็บอีก 58 คน จนเป็นข่าวดังทั่วโลก

ล่าสุด 2 เหยื่อในเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช ออกมาให้กำลังใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงครั้งล่าสุดนี้ คนแรกคือ นายทวีศักดิ์ สุขารมย์ อายุ 41 ปี พนักงานขับรถฉุกเฉิน รพ.มหาราชนครราชสีมา ถูกกระสุนยิงเข้าที่เอว กระสุนพุ่งทะลุวิทยุสื่อสารที่พกติดตัวที่เอว ถูกสะโพกได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกรายคือ น้องเนย นายจิรัฐติกาล นอบไทย อายุ 29 ปี หนุ่มขับบิ๊กไบค์ วีรบุรุษที่ไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บภายในห้างสรรพสินค้าขณะเกิดเหตุ แต่ถูกจ่าคลั่งยิงบาดเจ็บสาหัส โดยทั้ง 2 ราย เปิดร่องรอยบาดแผลที่หลงเหลืออยู่ติดตัวไปตลอดชีวิต

นายทวีศักดิ์ สุขารมย์ อายุ 41 ปี พนักงานขับรถฉุกเฉิน รพ.มหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า ยังจดจำเรื่องราวไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะในขณะนั้นตนเองเป็นอาสากู้ภัยคอยเข้าไปช่วยเหลือในเหตุการณ์ แต่ก็ถูกคนร้ายยิงทะลุวิทยุเข้ามาบริเวณสะโพกได้รับบาดเจ็บ ถึงบาดแผลยังไม่ได้เจือจางหายไป แต่ก็ต้องปล่อยผ่านเพื่อให้การดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ ในส่วนเหตุการณ์ที่เยาวชนอายุ 14 ปี ก่อเหตุการณ์ยิงคนในห้างสรรพสินค้าพารากอน ตนก็ขอแสดงความเสียใจ และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้ผ่านพ้นวิกฤติอันเลวร้ายไปให้ได้ และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยหาวิธีการในการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ด้าน น้องเนย นายจิรัฐติกาล นอบไทย อายุ 29 ปี หนุ่มขับบิ๊กไบค์ เปิดใจว่า แม้เหตุการณ์จ่าคลั่งกราดยิงที่โคราช จะผ่านไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นข่าวเด็กเยาวชนก่อเหตุกราดยิงที่ห้างพารากอน ก็ทำให้ภาพความสูญเสียย้อนกลับมากัดกินหัวใจอีกครั้ง เขาไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่เมื่อยังคงมีลมหายใจ จึงต้องสู้ แม้สภาพร่างกายไม่เต็มร้อย แต่ก็จะยืนหยัดเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไป ทั้งนี้ แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และขอส่งกำลังใจให้กับทุกคนก้าวผ่านทุกเรื่องราวอันเลวร้าย.