เมื่อวันที่ 25 ก.ย. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร ผอ.กองปฏิบัติการพิเศษ และ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รอง ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นำคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ฝังกลบซากหมูเถื่อน คดีพิเศษที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมี นายเสกสรรค์ สวนกูล ผอ.สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ และนายธนเดช อมรชัยสิน ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ จังหวัดสระแก้ว นำคณะกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจสอบสถานที่ฝังกลบซากสัตว์ (สุกร) ดังกล่าว
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/09/IMG_0779.jpeg)
พ.ต.ต.ยุทธนา รองอธิบดีดีเอสไอ เผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ของกรมปศุสัตว์ ในสำนักงานศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ จังหวัดสระแก้ว ที่ใช้สำหรับทำลายซากหมูเถื่อน 161 ตู้ น้ำหนักรวม 4.5 ล้านกิโลกรัม โดยจะใช้วิธีฝังกลบในบ่อที่เตรียมไว้ จำนวน 3 บ่อ แต่ละบ่อมีความยาว 150 เมตร ลึก 3 เมตร มีลักษณะลาดเอียงลงไปเพื่อให้ท้ายบ่อมีการระบายของบ่อพักน้ำเสียเข้าสู่กระบวนการกำจัด หากฝังกลบแล้วดินจะพูนสูงขึ้นมา 50 เซนติเมตร เพื่อให้การยุบตัวของดินแต่ละบ่อไม่ต่ำกว่าพื้นดินเดิม ในแต่ละบ่อจะบรรจุหมูได้ บ่อละ 1.5 ล้านกิโลกรัม โดยก่อนดำเนินการทำลาย ทางกรมปศุสัตว์จะเทน้ำยาฆ่าเชื้อที่บ่อและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อที่ตัวกล่องเน่า เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 5 วัน วันละประมาณ 35 ตู้ ซึ่งการดำเนินการทำลายซากหมูเถื่อนทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่าย จำนวน 12 ล้านบาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทสายเรือที่รับบรรทุกสินค้า (ซากหมู) จำนวน 161 ตู้
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การกำหนดวันฝังกลบซากสัตว์ที่แน่นอนจะต้องขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในจังหวัดสระแก้ว เพราะในช่วงเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม คาดว่าจะมีฝนตกและพายุ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินงาน ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดวันฝังกลบที่เหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/09/IMG_0774.jpeg)
สำหรับความคืบหน้าในคดีนี้นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนผู้กล่าวหา พยานสายเรือ พยานผู้จัดทำระบบเอกชน ที่บริษัทผู้นำเข้ามาขอใช้บริการ ซึ่งเดิมมีผู้นำเข้าสินค้า (ซากหมู) จากเดิม 10 บริษัท ได้สอบสวนขยายผลไปเป็น 18 บริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบนิติบุคคลบริษัทที่ขยายผลเพื่อจะทราบตัวผู้กระทำความผิด และจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวน 161 ตู้ มีการนำเข้ามาในราชอาณาจักรต่างกรรมต่างวาระ จึงจำเป็นต้องมีการแยกสำนวนการสอบสวนออกเป็นการกระทำความผิดแต่ละกรรมไป จะแยกสำนวนการสอบสวนออกเป็น 10 สำนวน การสอบสวนแยกตามบริษัทที่ร่วมกันกระทำความผิด และจะมีการสอบสวนขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังในการนำเข้าซากหมูเถื่อนในครั้งนี้ต่อไป
นอกจากนี้ทีมสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีกลุ่มบริษัทอีกประมาณ 9 บริษัท ได้นำเข้าตู้สินค้าที่สำแดงเป็นสินค้าชนิดอื่น อีกประมาณ 2,385 ตู้ ซึ่งได้นำออกจากท่าเรือแหลมฉบังไปแล้ว ซึ่งในส่วนนี้คณะพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำความผิดในข้อหาที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป.