เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่สถาบันวิชาการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. (ทุ่งสองห้อง) นางสาวกัญญนันทน์ คงภัสนิธิโรจน์ ผอ.สวพ. พร้อมคณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง ป.ป.ส. ด้านขนย้ายรักษาความปลอดภัยและทำลาย จำนวน 17 คน ร่วมกันตรวจนับขนย้ายยาเสพติด จำนวนกว่า 25.5 ตัน โดยใช้รถบรรทุกของสำนักงาน ป.ป.ส. จำนวน 9 คัน ในการขนย้าย จากสถาบันวิชาการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. (ทุ่งสองห้อง) ไปยังบริษัท อัคคีปราการ จำกัด นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ เพื่อเตรียมเผาทำลายในวันที่ 17 ก.ย. 66

ด้านนางสาวกัญญนันทน์ คงภัสนิธิโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด กล่าวว่า การตรวจรับตรวจพิสูจน์เพื่อนำไปทำลายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 จาก 100 คดี ซึ่งมีน้ำหนักของยาเสพติดประเภทต่างๆ รวมประมาณ 25.5 ตัน โดยในจำนวนนี้เป็นยาบ้า 140 ล้านเม็ด ไอซ์ 11.6 ตัน ส่วนอื่นจะเป็น เฮโรอีน ยาอี ฝิ่นประเภทต่างๆ คีตามีน และสารผสม ซึ่งมีการตรวจสอบร่วมกันกับคณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลางจากหลายหน่วยงาน อาทิ อย. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พร้อมทั้งหน่วยทหารและตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบการเก็บรักษาและทำลาย โดยรถแต่ละคันจะมีการบรรจุยาเสพติดของกลางในหีบห่อซึ่งประทับตรา ป้องกันการเคลื่อนย้ายหรือหลุดเล็ดลอดออกจากพื้นที่ และมีการดูแลรักษาความปลอดภัยจากหน่วยอินทรีย์ 19 ของสำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมอาวุธหนัก ดูแลไปตลอดเส้นทางจนกว่าจะถึงจุดทำลายที่ ศูนย์บริหารจัดการวัสดุเหลือใช้อุตสาหกรรมเตาเผาขยะอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะมีการเผาทำลายในวันพรุ่งนี้ โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

นางสาวกัญญนันทน์ ยังกล่าวอีกว่า ยาเสพติดจำนวนดังกล่าว ทางสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ป.ป.ส. ได้มีการตรวจสอบแล้วเสร็จ จึงต้องมีการทำลาย เนื่องจากของกลางยาเสพติดที่สามารถจับกุมได้ในแต่ละวัน มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จนทำให้พื้นที่จัดเก็บเหลือน้อยจนอาจไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จ พร้อมกับเร่งนำไปทำลาย โดยยืนยันว่าขั้นตอนการทำลายต่างๆ เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติตามกฎหมายและโปร่งใส ยืนยันว่าไม่มีการเล็ดลอดออกไปของยาเสพติดดังกล่าว เพราะมีขั้นตอนการดูแลตลอดทั้งเส้นทาง โดยสังเกตได้จากรถแต่ละคัน จะมีการล็อกกุญแจและให้ประธานกรรมการการทำลายถือเพียงผู้เดียว นอกจากนี้ยังมีการติดผนึกด้วยลายเซ็นจากคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ รวม 17 คน เซ็นกำกับตราปิดผนึกในแต่ละคัน หากพบว่ามีการถูกแกะหรือทำลาย ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูลการข่าวของชุดอินทรีย์ 19 ไม่พบการข่าวใดๆ ที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการขนส่งในรอบนี้