เมื่อวันที่ 15 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผบก.ทล.กล่าวว่า สำหรับเรื่องกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้ดูเพราะยังรู้สึกหดหู่ ขอให้เป็นการทํางานของเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวน อย่างไรก็ตามตนเองรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้

ส่วนกรณีการพกปืนติดตัวหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แน่นอนว่าตํารวจ  ที่พกปืนย่อมมีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ใช่ทุกนาย ซึ่งสัญชาติญาณของตํารวจทุกนายหรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปหากได้ยินเสียงปืนก็ต้องหลบเป็นธรรมดา ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นจึงแยกเป็น 3 ส่วน คือ ตํารวจที่ช่วยเหลือสารวัตรศิว ตํารวจที่ช่วยเหลือกํานันนก และสุดท้ายคือตํารวจ ที่หนีออกไปทันทีจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งถือว่าขาดจากการเป็นตํารวจไปแล้ว

“จรูญเกียรติ” อ้างวันเกิดเหตุไร้คุยปมส่วยสติ๊กเกอร์ แต่เกิดจากวุฒิภาวะ “กำนันนก”ล้วนๆ…

โดยขอเรียกร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในคดีนี้ด้วยว่า ขอให้ถอยคนละก้าว ถ้าท่านไม่ถอยความกดดันจะไปอยู่ที่ข้าราชการตำรวจ ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการไป ยืนยันที่เกิดเหตุพบเลือดของสารวัตรศิวติดตัวตำรวจประมาณ 8-9 นาย ที่นําไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งเลือดเหล่านี้จะเป็นหลักฐานให้ผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตสารวัตรศิว รอดพ้นจากข้อกังขาทั้งหมด

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “นายหน่องพรากชีวิต ได้แต่ไม่สามารถพรากจิตและวิญญาณของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ คนที่มีชีวิตอยู่จะตามทวงความยุติธรรมคืนให้กับทั้งคู่